ลอรีอัล กรุ๊ป รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2565 โดยมีผลการดำเนินงานอยู่เหนือตลาดอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยยอดขาย มูลค่า 9.06 พันล้านยูโร เติบโตขึ้น 13.5.%1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว โดยเป็นการเติบโตอย่างสมดุลทั้งในระดับแผนกธุรกิจ และภูมิภาค นอกจากนี้ยอดขายในร้านค้าปลีกยังดีดตัวขึ้นอย่างมากถึง 15.5%
นายนิโคลา ฮิโรนิมุส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวว่า “แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์สงครามในยูเครน รวมทั้งการใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดในจีน แต่ลอรีอัลก็มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาสแรก โดยยอดขายขยายตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในอัตรา 13.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 19.0% ตามที่ได้มีการรายงานในช่วง 3 เดือนแรกของปี แนวโน้มการเติบโตของตลาดความงามทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ต่อเนื่อง ขณะที่พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อแต่อย่างใด ลอรีอัลได้ใช้กลยุทธ์การนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพระดับพรีเมียม และการสร้างนวัตกรรม อีกทั้งยังมีผลการดำเนินงานที่แซงหน้าตลาดความงามในทุกภูมิภาคและทุกแผนก โดยมีการเติบโตแข็งแกร่งทั้งในด้านปริมาณและมูลค่า แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ และผลิตภัณฑ์เวชสำอางล้วนมีการเติบโตในระดับตัวเลขสองหลัก ส่วนแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคก็มีผลการดำเนินงานที่เหนือกว่าตลาดอีกครั้ง แม้ว่าจะเผชิญกับความท้าทายอันเนื่องมาจากห่วงโซ่อุปทานก็ตาม ลอรีอัลได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากกลยุทธ์ช่องทางจำหน่ายที่หลากหลายของบริษัท โดยยอดขายในระบบออฟไลน์ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่อี-คอมเมิร์ซ2 ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยทำยอดขายได้คิดเป็นสัดส่วน 25.8%
การเติบโตของเราในทุกภูมิภาคเป็นไปอย่างสมดุล โดยมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นและต่อเนื่องในอเมริกาเหนือ ส่วนยอดขายในจีนก็เพิ่มขึ้นในระดับตัวเลขสองหลัก และยอดขายในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ก็เร่งตัวขึ้น เช่นเดียวกับในยุโรป ซึ่งก่อนหน้านี้ยอดขายชะลอตัวเนื่องจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์หลายครั้งในช่วงต้นปี 2564
ด้วยความพยายามที่แน่วแน่ของทีมงานทั่วโลกของบริษัท เราจะยังคงใช้กลยุทธ์ด้านการใช้นวัตกรรมที่ล้ำสมัย และการลงทุน เพื่อผลักดันให้แบรนด์ของเราเติบโต และยกระดับความพึงพอใจให้เกิดขึ้นต่อไป ในช่วงเวลาที่ท้าทายในสถานการณ์สงครามยูเครน บริษัทฯ ได้ให้ในการช่วยเหลือพนักงานชาวยูเครนของเราทุกท่าน ซึ่งการดูแลพนักงานเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุดของเราเสมอมา แม้ว่าเราจะตระหนักถึงความผันผวนและความไม่แน่นอน แต่เราก็ยังมองแนวโน้มตลาดความงามในมุมบวก และมั่นใจในความสามารถของเราที่จะเติบโตเหนือตลาดต่อไปในปี 2565 รวมทั้งการทำยอดขายและผลกำไรให้เติบโตขึ้นอีกปี”
ยอดขายตามแผนกและภูมิภาค
สรุปตามรายแผนก
ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ ยอดขายเพิ่มขึ้น 17.6%
แผนกนี้ยังมีการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาค โดยมีการเติบโตที่โดดเด่นในสหรัฐ เยอรมนี อินเดีย และจีน แผนกนี้ยังประสบผลสำเร็จในการใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์ช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย เนื่องจากยอดขายในร้านซาลอนที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่เครือข่ายซาลอนเซ็นทริค (SalonCentric) ในสหรัฐก็ขยายตัวต่อเนื่อง และยอดขายผ่านอี-คอมเมิร์ซก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค ยอดขายเพิ่มขึ้น 6.9%
แผนกนี้มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมากในยุโรป และสหรัฐในช่วงต้นปี แม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องอุปทานก็ตาม ส่วนในละตินอเมริกา และใน SAPMENA - SSA แผนกก็สามารถทำผลการดำเนินงานได้อย่างโดดเด่น แต่ในเอเชียเหนือ แผนกนี้เผชิญกับภาวะการชะลอตัวของผู้ให้บริการอี-คอมเมิร์ซบางรายในจีน
เมื่อพิจารณาช่องทางจำหน่ายแล้ว การขยายตัวที่รวดเร็วขึ้นของแผนกถูกขับเคลื่อนจากยอดขายในร้านค้าปลีกที่ดีดตัวขึ้นอย่างมาก ขณะที่อี-คอมเมิร์ซมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมุ่งเน้นไปยังการพัฒนานวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จ และกลยุทธ์การผลิตสินค้าคุณภาพพรีเมียม แบรนด์หลักทุกแบรนด์จึงยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง ยอดขายเพิ่มขึ้น 17.5%
ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างสอดคล้องกันในภูมิภาคต่างๆ ในช่วงปลายเดือนมีนาคม แผนกนี้สามารถครองส่วนแบ่งตลาดครั้งประวัติศาสตร์ในเอเชียเหนือ และยิ่งไปกว่านั้น ยังทำผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในตลาดที่มีพลวัตอย่างอเมริกาเหนืออีกด้วย แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงยังสามารถทำผลงานที่ยอดเยี่ยมในยุโรปในช่วงไตรมาสแรกด้วยเช่นกัน แผนกนี้มีส่วนแบ่งตลาดที่สูงขึ้นเนื่องจากความแข็งแกร่ง และการเติมเต็มจากการลงทุนของแบรนด์ต่างๆ ในแผนก
ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ยอดขายเพิ่มขึ้น 18.0%
แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางเติบโตแซงหน้าตลาดเวชสำอางโลก โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในแต่ละภูมิภาค ซึ่งทุกภูมิภาคล้วนมียอดขายที่ขยายตัวขึ้นในระดับตัวเลขสองหลัก โดยยอดขายเพิ่มขึ้นมากเป็นพิเศษในอเมริกาเหนือและ SAPMENA – SSA ขณะที่ยอดขายออนไลน์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนยอดขายร้านค้าปลีกก็ดีดตัวขึ้นอย่างมาก เนื่องจากได้รับแรงผลักดันจากช่องทางจำหน่ายแบบมืออาชีพ
สรุปตามภูมิภาค
SAPMENA – SSA
ยอดขายเพิ่มขึ้น 15.8% (SAPMENA เอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง แอฟฟริกาเหนือ – SSA แอฟริกาใต้ซาฮารา)
เนื่องจากประเทศต่าง ๆ ได้กลับมาเปิดพรมแดนระหว่างประเทศอีกครั้ง รวมทั้งผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุข ลอรีอัลจึงมีผลการดำเนินงานรายไตรมาสที่โดดเด่นใน SAPMENA โดยยอดขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ส่วนผลการดำเนินงานในอินเดียก็เป็นไปด้วยดี และประเทศในแถบอ่าวก็มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งด้วยเช่นกัน ยอดขายของร้านค้าดีดตัวขึ้นอย่างมาก ส่วนยอดขายออนไลน์ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค พบว่ากลุ่มเครื่องสำอางมีการฟื้นตัวขึ้น ส่วนแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงนั้น ยอดขายผลิตภัณฑ์น้ำหอมเพิ่มสูงขึ้น และกลายเป็นประเภทผลิตภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในแผนก สำหรับผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพก็ขยายตัวเช่นกันเพราะการเปิดให้บริการร้านซาลอนอีกครั้ง จึงทำให้ยอดขายทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม และผลิตภัณฑ์ทำสีผมเพิ่มขึ้น ส่วนผลิตภัณฑ์เวชสำอางมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลักในทุก ๆ ตลาด
ในแอฟริกาใต้ซาฮารา (SSA) นั้น ลอรีอัลมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในแอฟริกาใต้และเคนยา ผลิตภัณฑ์เวชสำอางขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงก็เติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากการขยายตัวของผลิตภัณฑ์น้ำหอมสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ส่วนผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค พบว่ากลุ่มเครื่องสำอางฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ยุโรป ยอดขายเพิ่มขึ้น 16.4%
กิจกรรมต่าง ๆ ของลอรีอัลในยูเครนถูกระงับไปเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์บุกยูเครน ส่วนในรัสเซียนั้น ลอรีอัลได้ปิดร้านค้าและเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซที่มีอยู่ทั้งหมดลงชั่วคราว รวมทั้งระงับการลงทุนในอุตสาหกรรมและสื่อทั้งหมดไว้ก่อน และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปและสหรัฐ ลอรีอัลจึงได้ระงับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งหมดไว้ชั่วคราว ยกเว้นผลิตภัณฑ์ของใช้ประจำวันที่จำเป็น
อเมริกาเหนือ ยอดขายเพิ่มขึ้น 12.6%
เอเชียเหนือ ยอดขายเพิ่มขึ้น 9.4%
ละตินอเมริกา ยอดขายเพิ่มขึ้น 22.2%
เกี่ยวกับลอรีอัล กรุ๊ป
ลอรีอัลทุ่มเทในธุรกิจความงามมายาวนานกว่า 100 ปี โดยมีพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งประกอบไปด้วย 35 แบรนด์ ลอรีอัลกรุ๊ป มียอดขายผลิตภัณฑ์ 2.799 หมื่นล้านยูโร ในปี 2563 และมีพนักงานทั้งสิ้น 85,400 คนทั่วโลก ในฐานะองค์กรด้านความงามชั้นนำของโลก ลอรีอัลมีผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายผ่านทุกช่องทาง ครอบคลุมถึงตลาดมวลชน ห้างสรรพสินค้า เภสัชกรรมและร้านขายยา ซาลอน ร้านค้าในสนามบิน ร้านค้าปลีก และอี-คอมเมิร์ซ
ลอรีอัลยึดมั่นในกลยุทธ์ที่สำคัญขององค์กรในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องโดยทีมงานวิจัย 4,000 คน มุ่งตอบสนองต่อความปรารถนาด้านความงามของผู้คนทั่วโลก ลอรีอัลได้ตั้งพันธสัญญาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนสำหรับปี 2030 โดยมีเป้าหมายในสร้างระบบนิเวศแบบองค์รวมและสังคมที่ยั่งยืนต่อไป ข้อมูลเพิ่มเติม: https://mediaroom.loreal.com/
เกี่ยวกับลอรีอัล ประเทศไทย
ลอรีอัล ประเทศไทย เป็นสาขาของบริษัทผู้นำความงามของโลก นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ระดับสากล ใน 4 แผนกผลิตภัณฑ์
· แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค: ลอรีอัล ปารีส, การ์นิเย่ และเมย์เบลลีน นิวยอร์ก
· แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง: ลังโคม, ไบโอเธิร์ม, จิออร์จิโอ อาร์มานี, คีลส์, ชู อูเอมระ, อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ และอิท คอสเมติกส์
· แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ: ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล และเคเรสตาส
· แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง: ลา โรช-โพเซย์, วิชี่ และเซราวี ข้อมูลเพิ่มเติม: www.lorealthailand.com หรือ www.facebook.com/lorealthailand
ข่าวเด่น