คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) ประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเอไอเอ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565
สรุปสาระสำคัญทางการเงิน
อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ตามรายละเอียดด้านล่าง
· มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 853 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 18
· ยอดขายจากธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อจากสายพันธุ์โอไมครอนลดลง
· เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) ลดลงร้อยละ 7 อยู่ที่ 1,567 ล้านเหรียญสหรัฐ
· อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) ลดลง 7.6 จุดอยู่ที่ร้อยละ 54.4
· เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 อยู่ที่ 9,948 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “การดำเนินธุรกิจของเอไอเอที่ได้มีการจัดพอร์ตการดำเนินงานที่มีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ได้สร้างโอกาสระยะยาวในทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียให้แก่เรา อีกทั้งยังทำให้เอเชียเป็นภูมิภาคมีความโดดเด่นและน่าดึงดูดที่สุดในโลกสำหรับด้านธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอนได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายจากธุรกิจใหม่เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ในไตรมาสแรกของปี 2565 ตามข้อมูลที่แสดงข้างต้น อย่างไรก็ดี ธุรกิจของเราสามารถกลับมาสร้างความเคลื่อนไหวได้อีกครั้งหลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อแตะจุดสูงสุดไปแล้วและสถานการณ์ดังกล่าวได้เริ่มคลี่คลายลง
“การลงทุนที่สำคัญของเราในเทคโนโลยี ดิจิทัล และการวิเคราะห์ ได้ทำให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานที่ความซับซ้อนและอ่อนไหว ช่วยให้เราสามารถค่อย ๆ ลดผลกระทบต่อยอดขายจากสถานการณ์โรคระบาดแต่ละระลอกที่ต่อเนื่องกันมา อีกทั้งการสนับสนุนโดยเครื่องมือทางดิจิทัลของเรา รวมถึงความสามารถในการทำงานทางไกล ทำให้ธุรกิจของเรานอกเหนือจากจีนแผ่นดินใหญ่ และฮ่องกง สามารถส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ได้ถึงร้อยละ 50 สูงกว่ายอดที่เราเคยทำได้ในช่วงของการระบาดของโรคโควิด 19 ระลอกแรก ระหว่างไตรมาสที่ 2 ของปี 2563
“ผมเชื่อมั่นว่าการที่เรายังคงมุ่งมั่นบนกลยุทธ์ของเราอย่างไม่หยุดนิ่งจะสนับสนุนให้เราสามารถสร้างการเติบโตในระยะยาว และสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเราทั้งหมด ดั่งความตั้งใจของเราที่ต้องการช่วยผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น”
สรุปผลประกอบการสำหรับไตรมาสแรก
สำหรับไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 นี้ เชื้อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอนผลักดันให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน และส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของยอดขายจากธุรกิจใหม่ชั่วคราวในหลายประเทศที่เราดำเนินกิจการอยู่ แม้ว่าระยะเวลาการติดเชื้อจะแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ แต่ส่วนใหญ่จำนวนผู้ติดเชื้อในแต่ละวันจะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณและลดลงอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา ส่งผลต่อการจำกัดระยะเวลาในการสร้างยอดขายที่สำคัญ ในประเทศที่ยอดการติดเชื้อลดลงอย่างมากจากจุดสูงสุด เราจะเริ่มเห็นกิจกรรมการขายฟื้นตัวกลับขึ้นมา
เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงเป็นตลาดที่สร้างรายได้ที่มากที่สุดให้กับกลุ่มบริษัทเอไอเอในไตรมาสแรกของปี 2565 ตามที่ได้รายงานไปก่อนหน้านี้ กฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 เป็นตัวเร่งให้เกิดความต้องการความคุ้มครองแบบเดิม จึงผลักดันให้ไตรมาสแรกประสบความสำเร็จ ในขณะที่มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ลดลง เนื่องจากยอดขายที่แข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ออมเงินระยะยาวยังคงช่วยสร้างความสมดุลให้กับการจัดรวมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อการขายในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว เรายังได้ยอดเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2564
ในเอไอเอ ประเทศจีน เราริเริ่มที่จะรับสมัครบุคลากรเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลัก เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2564 เพื่อเสริมสร้างให้การสรรหาบุคลากรดำเนินก้าวหน้าและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราประสบความสำเร็จในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว นอกจากนี้ เรายังคงเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งในการขยายตลาดตามภูมิประเทศไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ ด้วยการเปิดสาขาใหม่ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย โดยเริ่มขายได้ในไตรมาสแรกของปี 2565 และทำให้ยอดมูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตอย่างยอดเยี่ยมทั่วทั้งภูมิภาคใหม่ของเรา
จำนวนผู้ติดเชื้อของโรคโควิด 19 ที่สูงนี้ ทำให้เกิดการเว้นระยะห่างทางสังคม และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 แต่รายงานผลการดำเนินงานในส่วนที่อยู่นอกประเทศจีนแผ่นดินใหญ่มีผลประกอบการโดยรวมที่ฟื้นตัวขึ้น ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ลดลงเพียงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับผลประกอบการอันยอดเยี่ยมในไตรมาสแรกของปี 2564
เอไอเอ ฮ่องกง รายงานตัวเลขมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2564 โดยมีปัจจัยการเติบโตจากช่องทางพรีเมียร์ เอเจนซี่ และพันธมิตรทางธุรกิจของเรา และในขณะที่การเดินทางระหว่างประเทศของฮ่องกงยังอยู่ภายใต้ข้อจำกัด เราก็ยังสามารถบรรลุยอดขายด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากการขายให้กับผู้เดินทางชาวจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านสาขามาเก๊า
โดยสรุปแล้ว อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ลดลง 7.6 จุด อยู่ที่ร้อยละ 54.4 โดยมีปัจจัยหลักจากการเปลี่ยนแปลงในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ที่ปรับสมดุลการขายผลิตภัณฑ์มากขึ้น ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการซื้อที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายของกลุ่มที่ลดลง สมมติฐานผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าธุรกิจใหม่ยังคงเดิมจากที่เคยแสดงในรายงานประจำปี 2564 สำหรับอัตรากำไรที่รายงานตามมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) ยังคงอยู่ที่ร้อยละ 10 ส่วนเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) ลดลงร้อยละ 7 อยู่ที่ 1,567 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 อยู่ที่ 9,948 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงเวลาเดียวกัน
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2565 องค์การประกันภัยแห่งฮ่องกงอนุมัติให้เอไอเอนำหลักเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยงของฮ่องกง (HKRBC) มาใช้เป็นกลุ่มแรก ๆ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ซึ่งเราก็ได้คำนวณมูลค่าธุรกิจใหม่ สำหรับไตรมาสแรกของปี 2565 ภายใต้หลักเกณฑ์ HKRBC และหลักเกณฑ์ใหม่ของ China Risk-Oriented Solvency System phase 2 (C-ROSS II) โดยหลักเกณฑ์ใหม่ไม่ส่งผลกระทบที่มีสาระสำคัญ
ภาพรวม
โอกาสในระยะยาวสำหรับธุรกิจของเอไอเอนั้นยอดเยี่ยมมาก เนื่องจากเรามีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างมาก การกระจายความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ และตัวขับเคลื่อนการเติบโตเชิงโครงสร้างที่ทรงพลังสำหรับการประกันชีวิตและสุขภาพในเอเชีย การเพิ่มขึ้นของรายได้ การแทรกแซงจากบริษัทประกันเอกชนอยู่ในระดับต่ำ และการคุ้มครองสวัสดิการสังคมที่จำกัด ยังคงขับเคลื่อนความต้องการผลิตภัณฑ์ประกันภัยของเอไอเอในตลาดของเรา
การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงดำเนินต่อไปในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 แม้ว่าการหยุดชะงักด้านอุปทาน การขาดแคลนแรงงานและราคาพลังงานที่สูงจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคและอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบันยังคงสร้างความผันผวนในตลาดทุนโลกอีกด้วย
ในขณะที่เราคาดการณ์ว่าเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่จะยังคงปรากฏอยู่ แต่เรามองโลกในแง่ดีอย่างระมัดระวังว่าความสำเร็จของโปรแกรมการฉีดวัคซีนและการรักษาแบบใหม่จะสามารถลดความรุนแรงของการเจ็บป่วยลงอีก
เรามั่นใจว่าการดำเนินการตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องจะสร้างประวัติการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับเราและสามารถสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนได้ในระยะยาวสำหรับผู้ถือหุ้น
ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
เอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่ในสกุลเงินท้องถิ่นและเราจับคู่สินทรัพย์และหนี้สินท้องถิ่นของเราอย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เมื่อรายงานตัวเลขรวมของกลุ่ม จะมีผล
การแปลงสกุลเงินเมื่อเรารายงานเป็นเหรียญสหรัฐ เราได้รายงานอัตราการเติบโตและใช้อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น เนื่องจากข้อมูลนี้ให้ภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของธุรกิจ
หมายเหตุ:
1.ไตรมาสแรกทางบัญชีของปี 2565 และปี 2564 ของเอไอเอ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 และ 31 มีนาคม 2564
2.ตัวเลขทั้งหมดถูกแสดงในสกุลเงินที่แสดงในรายงานจริง เป็น เหรียญสหรัฐ (US dollars) และบนอัตราแลกเปลี่ยนตามจริง เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น การเปลี่ยนแปลงได้ถูกแสดงเป็นปีต่อปี และบนอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น การเปลี่ยนแปลงบนอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ได้ถูกคำนวณโดยใช้อัตราเฉลี่ยของอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับปี 2565 และ 2564
3.ผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวอยู่บนสมมติฐานโดยใช้กำไรจากการดำเนินงานมูลค่ารวมเป็นพื้นฐานสำหรับไตรมาสแรกของปี 2565 เหมือนกับที่แสดงในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ในการรายงานกำไรจากการดำเนินงานมูลค่ารวมในรายงานประจำปี 2564 โดยใช้สมมติฐานที่ไม่เกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจในการคำนวณกำไรจากการดำเนินงานมูลค่ารวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564
4.มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) คำนวณโดยใช้สมมติฐานที่ได้ ณ จุดขาย และมูลค่าธุรกิจใหม่สำหรับกลุ่มบริษัท ไม่ได้รวมถึงมูลค่าธุรกิจใหม่จากส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม
เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) และ มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) สำหรับตลาดอื่น ๆ ได้รวมถึงผลประกอบการในอัตราส่วนร้อยละ 49 ของบริษัท ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต (Tata AIA Life)
เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) และ มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ไม่ได้รวมผลประกอบการในอัตราส่วนร้อยละ 24.99 ของไชน่า โพสต์ ประกันชีวิต (China Post Life)
5. มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) นับรวมธุรกิจบำนาญ ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีแรก และ กำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่ ไม่ได้นับรวมธุรกิจบำนาญ และเป็นจำนวนก่อนหักส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม
6. เบี้ยประกันภัยรับปีแรก มาจาก ร้อยละ 100 ของเบี้ยประกันภัยรับปีแรกของปี บวกกับร้อยละ 10 ของเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียว ก่อนการเอาประกันภัยต่อ และไม่รวมธุรกิจบำนาญ
7.เบี้ยประกันภัยรับรวม มาจาก ร้อยละ 100 ของเบี้ยประกันภัยปีต่อ ซึ่งมาจากร้อยละ 100 ของเบี้ยประกันภัยปีแรก บวกด้วยร้อยละ 10 ของเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียว ก่อนการเอาประกันภัยต่อเบี้ยประกันภัยรับรวม ไม่ได้รวมผลประกอบการจาก ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต (Tata AIA Life) และ ไชน่า โพสต์ ประกันชีวิต (China Post Life)
8.สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของการปรับปรุงของการดํารงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยงในฮ่องกง กรุณาศึกษาจากรายงานประจำปี 2564
9.ในบริบทของสัดส่วนที่รายงานได้ของเรา ฮ่องกง หมายถึง เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และเขตบริหารพิเศษมาเก๊า ประเทศสิงคโปร์ หมายถึง การดำเนินธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ และบรูไน สำหรับตลาดอื่น ๆ หมายถึง ประเทศออสเตรเลีย กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) และเวียดนาม
10.ผลประกอบการของ ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต นับจาก 3 เดือนก่อนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ในการแถลงผลประกอบการของเอไอเอ สำหรับไตรมาสแรก สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565
เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเอไอเอ
กลุ่มบริษัทเอไอเอ และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า “เอไอเอ” หรือ “กลุ่มบริษัทเอไอเอ”) เป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการบริหารจัดการอย่างอิสระ มีบริษัทในเครือและสำนักงานสาขาใน 18 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก ทั้งในประเทศจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) เวียดนาม บรูไน และเขตปกครองพิเศษมาเก๊า และเป็นผู้ถือหุ้นร่วมทุน 49% ในประเทศอินเดีย
เอไอเอเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกในเมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อศตวรรษที่ผ่านมา ในปี 2462 โดยเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ในด้านเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจประกันชีวิต และเป็นผู้นำตลาดโดยส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 340 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564
กลุ่มบริษัทเอไอเอนำเสนอผลิตภัณฑ์ในการออมเงินระยะยาวและความคุ้มครองชีวิตแก่ลูกค้าบุคคลผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ทั้งการประกันชีวิต การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินในวัยเกษียณ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทเอไอเอยังให้บริการลูกค้าองค์กรผ่านผลิตภัณฑ์สวัสดิการพนักงาน ประกันสินเชื่อ และให้บริการเป็นผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพผ่านเครือข่ายตัวแทน พันธมิตรและพนักงานทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเอไอเอมีลูกค้าที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตรายบุคคลที่มีผลบังคับมากกว่า 39 ล้านกรมธรรม์ และเป็นสมาชิกกรมธรรม์ประกันกลุ่มมากกว่า 16 ล้านคน
กลุ่มบริษัทเอไอเอจดทะเบียนในกระดานหุ้นหลักของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ภายใต้รหัสหลักทรัพย์ “1299” สำหรับ American Depositary Receipts (ระดับ 1) มีการซื้อขายหลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ (Over-the-Counter) ภายใต้
ข่าวเด่น