TKC ลุยเพิ่มมูลค่าธุรกิจรับเมกะเทรนด์โลก ก้าวเป็นผู้นำด้านธุรกิจดิจิทัลโซลูชั่น ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาเพิ่ม Backlog ราว 3,500 ลบ.เป็นการส่งสัญญาณรอข่าวดี สำหรับงานใหม่ด้านดิจิทัลเพิ่มแบ็กล็อกทั้งภาครัฐและเอกชน ด้าน “สยาม เตียวตรานนท์” เผยเงินระดมทุนสนับสนุนความแข็งแกร่งธุรกิจ ทำให้มีความพร้อมในการเข้าไปประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ระดับหมื่นล้าน ในสายงานดิจิทัลโซลูชั่นและไซเบอร์ซีเคียวริตี้ สร้างการรับรู้รายได้ต่อเนื่องภายในปี 2565-2566 ล่าสุดเตรียมจ่อยื่นงานใหม่ด้าน Online Training ราว 500 ลบ.
นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC กล่าวว่า ผลประกอบการบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 639 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 47 ล้านบาท โดยรายได้หลักแบ่งเป็นรายได้จากงานโครงการ 310 ล้านบาท รายได้จากงานบริการวิศวกรรมและบำรุงรักษา 236 ล้านบาท รายได้จากการขาย 93 ล้านบาท
“เป้าหมายการดำเนินงานในปี 2565 เน้นเติบโตจากศักยภาพในธุรกิจให้บริการรับเหมา ออกแบบ วางระบบ จัดหาอุปกรณ์ ติดตั้ง ทดสอบ และบำรุงรักษาระบบงานวิศวกรรมในสายงานระบบโทรคมนาคม ระบบสื่อสารข้อมูล และ ระบบความปลอดภัยสาธารณะ ที่มีความเชี่ยวชาญเกือบ 20 ปี พร้อมวางกลยุทธ์มุ่งสู่การเป็นที่หนึ่งในธุรกิจดิจิทัลโซลูชั่น ครอบคลุมด้านโทรคมนาคมและไอซีที ต่อยอดธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ในอนาคต เช่น ระบบ Smart Solutions, Smart Logistics, Cyber Security, Cloud Solutions, Drone โดยตั้งเป้าหมายจะเป็นผู้นำในอีก 1-3 ปีข้างหน้า” นายสยามกล่าว
ในปี 2565 นี้ คาดว่าจะเป็นปีที่ TKC สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น จากภาพรวมอุตสาหกรรมทั้งภาครัฐและเอกชนพร้อมที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ปัจจุบัน TKC อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา เพิ่มงานคงค้างในมือ (Backlog) ราว 3,500 ลบ. โดยได้รับงานเพิ่มช่วงไตรมาส 1/2565 และอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญามูลค่าราว 1,400 ลบ. แบ่งประเภทของงานเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม, ด้านไอซีที และงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่ TKC ตั้งเป้าจะขยายกลุ่มลูกค้าในปีนี้
“ในปีนี้งานด้านสายงานเทเลคอม ค่อนข้างลงตัวเพราะเป็นงานโครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนไปตั้งแต่แรก แต่ปีนี้ธุรกิจที่จะสร้างสีสันใหม่ๆ คือ New Business ที่เป็นโอกาสในการต่อยอดทำกำไร เน้น Digital ด้าน Smart Solutions เพื่อสอดคล้องไปกับเทรนด์ที่กำลังจะมา รวมทั้งความรู้และความสามารถของทีมงาน บุคลากร ที่มีความเชี่ยวชาญ มองว่าเทรนด์เทคโนโลยีมีการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 เป็นตัวเร่งทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคประชาชน ต้องศึกษา เรียนรู้ เข้าใจ กับเทคโนโลยีให้ได้มากที่สุดเพื่อความอยู่รอดขององค์กร” นายสยามกล่าวทิ้งท้าย
ด้านการประมูลงานใหม่เพิ่มเติม หลังจากระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา บริษัทเพิ่มศักยภาพการแข่งขันประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ระดับ 10,000 ล้านบาท ได้มากขึ้น
ข่าวเด่น