บมจ. ยูเอซี โกลบอล (“UAC”) เสิร์ฟข่าวดีต่อเนื่อง ประกาศตัวเลขผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1/2565 รายได้จากการขายและการให้บริการ 510.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.33% (YoY) และมีกำไรส่วนที่เป็นของบริษัท 71.88 ล้านบาท จากการขยายตัวธุรกิจเทรดดิ้ง – เคมีภัณฑ์-ไฟฟ้า ด้าน CEO “ชัชพล ประสพโชค” ส่งซิก Q2/2565 เดินหน้าลงทุนโครงการ EV charging station เฟสแรก 4 สถานีตามแผน พร้อมเข้าสำรวจแหล่งปิโตรเลียม L10/43 และ L11/43 ตั้งเป้าผลิต 500 บาร์เรลต่อวัน สร้างรายได้เพิ่ม 300 ล้านบาทต่อปี หนุนรายได้ทั้งปีโต 2,000 ล้านบาทตามแผน
นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ “UAC” แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2565 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565) ว่า ผลการดำเนินของบริษัทฯในไตมาสแรกมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 510.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175.24 ล้านบาท หรือร้อยละ 52.33 (YoY) และมีกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทฯ 71.88 ล้านบาท โดยมี Gross Margin ที่ระดับ 11.31% ส่งผลให้ EBITDA ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ระดับ 110.68 ล้านบาท ส่วนด้าน ROE นั้นอยู่ที่ 17.16%
ทั้งนี้ สาเหตุรายได้รวมมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการเติบโตของธุรกิจเทรดดิ้ง ที่ได้รับ Big lot จำนวน 143.30 ล้านบาท จากกลุ่ม Industrial และกลุ่ม Energy ซึ่งมีการจำหน่ายจำหน่ายสารเคมี และอุปกรณ์อุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเลียม กลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติ โรงกลั่นน้ำมัน โรงแยกก๊าซ และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพิ่มขึ้น 25.53 ล้านบาท รวมถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากของรายได้กลุ่มเคมีภัณฑ์ จำนวน 27.68 ล้านบาท จากการฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย รวมถึงการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว ขณะที่การผลิตของโรงงาน PPP และโรงไฟฟ้าเสาเถียร มีการผลิตเพิ่มขึ้น หลังจากได้รับก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นกว่า 1.3 MMSCFD ส่งผลให้มียอดขายทั้งในส่วนของก๊าซเชื้อเพลิง C1 ก๊าซหุงต้ม (LPG) และก๊าซโซลีนธรรมชาติ (NGL) มีการปรับตัวอย่างโดดเด่น จึงทำให้กลุ่ม UAC มีกำไรขั้นต้นรวม 57.68 ล้านบาท
นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ “UAC” ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/2565 ว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน ควบคู่ไปกับการเร่งขยายการตลาดในส่วนของธุรกิจเทรดดิ้ง ไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ มากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ในปีนี้ แตะระดับ 2,000 ล้านบาท รวมถึงการรักษาอัตรากำไรก่อนหัก
ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มากกว่า 420 ล้านบาท ของรายได้ยอดขายรวมให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยในไตรมาส 2/2565 บริษัทฯจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV charging station)ภายใต้การร่วมลงทุนกับ บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) ภายใต้ "พีพีดับบลิวอี" (PPWE) ตามแผนการลงทุนสร้างเฟสแรก จำนวน 4 สถานี หรือ 12 หัว ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร 1 แห่ง จังหวัดนครราชสีมา 2 แห่ง และจังหวัดจันทบุรี 1 แห่ง
ส่วนโครงการลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมหมายเลข L10/43 และ L11/43 ในพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมอรุโณทัยและบูรพา จังหวัดสุโขทัย นั้น ยังคงเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ โดยคาดว่าจะมีการเข้าสำรวจปริมาณปิโตรเลียมสำรองในพื้นที่สัมปทานดังกล่าว เพื่อต้องการทราบปริมาณปิโตรเลียมที่ชัดเจนได้ในไตรมาส 2/2565 นี้ และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 3/2565 ซึ่งตั้งเป้าผลิต 500 บาร์เรลต่อวัน สร้างรายได้เพิ่ม 300 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนภูผาม่าน ที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีขนาดการผลิตไฟฟ้า 3 เมกะวัตต์นั้น จะพร้อมจ่ายไฟเข้าระบบได้ภายใน 3 เดือนนับจากได้รับ PPA ซึ่งถือว่าเป็นโรงไฟฟ้าแรกที่มีความพร้อมที่สุดในการดำเนินการเมื่อเทียบโครงการอื่น ๆ ที่ผ่านการคัดเลือกในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) พ.ศ. 2565
ข่าวเด่น