คาด SET มีแนวโน้มอ่อนตัวได้ต่อ โดยมองตลาดกลับมาระวัดระวังมากขึ้นต่อมุมมองเงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจ หลัง bond yield กลับมาปรับตัวขึ้น เช่นเดียวกับดอลลาร์ ซึ่งทำให้เงินบาทกลับมาอ่อนค่า และเป็นลบต่อทิศทาง fund flow ด้านแนวรับอยู่ที่ 1642 และ 1632 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนคาดถูกจำกัดที่แนวต้าน 1655-1665 จุด
ประเด็นสำคัญ
ประชุม OPEC+ มีมติเพิ่มกำลังผลิตใน ก.ค. – ส.ค.เป็น 6.48 จากเดิม 4.32 แสนบาร์เรล/วัน ชดเชยกำลังการผลิตจากรัสเซียที่ลดลง
• สนพ. เตรียมออกมาตรการส่งเสริมลงทุนแบตเตอรี่เครื่องอัดประจุไฟฟ้า EV เพิ่มเติมทั้งสิทธิประโยชน์การลงทุนและภาษีสรรพสามิตเป็นบวกต่อหุ้น EV
• สัปดาห์นี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ พ.ค. ของไทย 6 มิ.ย. และประชุม กนง. 8 มิ.ย. รวมทั้งประชุม ECB 9 มิ.ย. และตัวเลขเงินเฟ้อ พ.ค. สหรัฐ 10 มิ.ย.
กลยุทธ์การลงทุน
เรามองความเสี่ยงของเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับสูงโดยตัวเลขเศรษฐกิจในช่วง มิ.ย. ถึงสิ้นปีนี้จะอยู่ในแนวโน้มชะลอตัวลงจากวิกฤตราคาพลังงานและอาหารที่ยังปรับตัวสูงขึ้นจากปัญหาด้านอุปทานที่ตึงตัว กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นปลอดภัยที่มีคุณภาพดี และ/หรือ มีปัจจัยบวกเฉพาะ
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มุมมองการลงทุนยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง ดังนั้น จึงแนะนำเลือกลงทุนในหุ้นปลอดภัยที่มีคุณภาพดี และ/หรือ มีปัจจัยบวก เฉพาะ ดังนี้ 1) หุ้นที่กำไรมีโมเมนตัมดีหรือฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q65 เลือก IVL AMATA MTC CPALL OSP 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) อยู่ในทิศทางขาขึ้น เลือก BLA 3) หุ้นที่ได้อานิสงส์จากบาทอ่อน และ/หรือ จากวิกฤติราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้น เลือก GFPT CPF
ช่วงสั้นยังต้องระมัดระวังการลงทุนใน 1) หุ้นที่คาดผลประกอบการจะถูกกดดันจากมีสินค้าเกษตรและเชื้อเพลิงเป็นต้นทุนการผลิต อาทิ โรงไฟฟ้า SPP, ขนส่งพัสดุ, วัสดุก่อสร้าง, บรรจุภัณฑ์, ผู้ผลิตสินค้าบริโภคที่ใช้แป้ง สาลีเป็นวัตถุดิบ (SNNP, TFMAMA, NSL, SNP) และ 2) หุ้นขุดเหมือง ซึ่งคาดยังได้ sentiment ลบจากการปรับตัวลงของ cryptocurrency และต้นทุนไฟฟ้าที่สูงขึ้น ทำให้มีโอกาสสูงที่จะไม่คุ้มค่าในการลงทุนหรือระยะเวลาคืนทุนนานกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว
Daily Focus
BCP คาดกำไรปกติ 2Q65 แข็งแกร่งจากอุปทานน้ำมันโลกตึงตัวและไม่เพียงพอต่ออุปสงค์ที่เร่งตัวขึ้นจากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หลายประเทศเร่งเพิ่มปริมาณเชื้อเพลิงสำรองทั้งยุโรปและอินเดีย ขณะที่จีนกลับมาทำกิจกรรมเพิ่มมากขึ้นจะเป็นอีกปัจจัยหนุนอุปสงค์
AMATA ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในรอบ 12 ปีแล้ว คาดปีนี้กำไรมีโมเมนตัมดีต่อเนื่อง หลังคลายล็อกดาวน์และทยอยยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ปัจจุบันมี Backlog กว่า 5 พันลบ. คาดอย่างน้อย 60% จะบันทึกเป็นรายได้ในช่วง 2H65
ข่าวเด่น