คาด SET มีแนวโน้มปรับลง ด้วยปัจจัยกดดันจาก 1) กังวลเงินเฟ้อเร่งตัว โดยคืนนี้ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐในเดือนพ.ค. 2) การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ และ 3) โควิดในจีน หลังมีการ lockdown บางแห่งในเมืองเซี่ยงไฮ้ ด้านกรอบล่างอยู่ที่ 1630 จุด หากต่่ากว่าเป็นลบต่อ และมีแนวรับถัดไปที่ 1622 จุด ส่วนกรอบบนจ่ากัดที่ 1645-1652 จุด
ประเด็นสำคัญ
ECB คง ด.บ. refinancing 0% แต่ส่งสัญญาณยุติ QE ภายในสิ้นเดือนนี้ และขึ้น ด.บ. 0.25% ใน ก.ค. และอาจขึ้นมากกว่า 0.25% ใน ก.ย.
• จีนกลับมา lockdown นครเซี่ยงไฮ้ในพื้นที่บางส่วนอีกครั้ง เพื่อควบคุมความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด หลังพบผู้ป่วยเพิ่มอีก 4 ราย
• วันนี้ติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อ พ.ค. ของสหรัฐคาด +8.3%YoY หากออกมาสูงกว่าคาดจะทำให้ตลาดเชื่อว่า Fed จะเร่งขึ้นดบ. กดดันภาวะลงทุน
กลยุทธ์การลงทุน
เรามองความเสี่ยงของเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับสูงโดยตัวเลขเศรษฐกิจในช่วง มิ.ย. ถึงสิ้นปีนี้จะอยู่ในแนวโน้มชะลอตัวลงจากวิกฤตราคาพลังงานและอาหารที่ยังปรับตัวสูงขึ้นจากปัญหาด้านอุปทานที่ตึงตัว กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นปลอดภัยที่มีคุณภาพดี และ/หรือ มีปัจจัยบวกเฉพาะ
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มุมมองการลงทุนยังเป็นไปอย่างระมัดระวังดังนั้นจึงแนะน่าเลือกลงทุนในหุ้นปลอดภัยที่มีคุณภาพดี และ/หรือ มีปัจจัยบวกเฉพาะ ดังนี้
1) หุ้นที่กำไรมีโมเมนตัมดีหรือฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q65 เลือก IVLAMATA MTC CPALL OSP
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (BondYield) อยู่ในทิศทางขาขึ้น เลือก BLA
3) หุ้นที่ได้อานิสงส์จากบาทอ่อน และ/หรือ จากวิกฤติราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้น เลือก GFPT CPF
Daily Focus
BBL ได้ประโยชน์วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่ Valuation น่าสนใจโดยซื้อขายด้วย PBV 22F ต่่าที่ 0.5x เทียบกับ ROE ที่ 6.3% ทำให้เป็นหุ้น laggard play และมองราคาหุ้นยังไม่สะท้อนแนวโน้มกำไรที่เติบโตดีขึ้น รวมทั้งมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุดในกลุ่ม
BLA ช่วงสั้นคาดราคาหุ้นยังได้อานิสงส์บวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น ขณะที่ปี 2565-2567 มองผลประกอบการจะฟื้นตัวต่อเนื่องจาก Margin ที่ปรับตัวดีขึ้น
ข่าวเด่น