บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าขยายเวลาโครงการ Faster Payment เพิ่มสภาพคล่องทางการเงินคู่ค้า SMEs ผ่านกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (เครดิตเทอม) ภายใน 30 วัน เดินหน้าหนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงินพร้อมติวเข้มทักษะรองรับความท้าทายใหม่ ร่วมสร้างความมั่นคงด้านอาหารให้กับคนไทย
นางสาวธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านจัดซื้อพัสดุครุภัณฑ์ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น จึงเดินหน้าขยายเวลาโครงการ Faster Payment ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (เครดิตเทอม) ภายใน 30 วัน แก่คู่ค้าเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อย (เอสเอ็มอี) จนถึงสิ้นปี 2565 นี้ ช่วยสนับสนุนให้คู่ค้าเอสเอ็มอีมีสุขภาพการเงินที่แข็งแรง สามารถดำเนินธุรกิจในสภาวะที่ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก และมีความเชื่อมั่นในการลงทุนเพิ่มเติม และปรับตัวรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ได้ ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อห่วงโซ่การผลิตอาหารสามารถเดินหน้าได้โดยไม่หยุดชะงักหรือสะดุดลง
“การดำเนินโครงการให้เครดิตเทอม 30 วันแก่คู่ค้าเอสเอ็มอีติดต่อกันมาเป็นเวลา 21 เดือน ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมไทย สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น และเป็นกำลังสำคัญสนับสนุนให้ซีพีเอฟสามารถผลิตอาหารได้อย่างต่อเนื่อง ร่วมสร้างความมั่นคงด้านอาหารให้กับคนไทย” นางสาวธิดารัตน์กล่าว
ตามที่ บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการ Faster Payment มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน (เดือนมิถุนายน 2565) รวมเป็นเวลา 21 เดือนแล้ว ได้มีส่วนช่วยเหลือคู่ค้าเอสเอ็มอีของซีพีเอฟจำนวนกว่า 6,000 รายมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี มีกำลังใการนรักษากิจการและการจ้างงานไว้ได้ จนสามารถก้าวข้ามวิกฤตจากการแพร่ระบาดโควิด-19 รวมถึงสถานการณ์ความผันผวนต่างๆ จนกระทั่งฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้สนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพคู่ค้าเอสเอ็มอีในการดำเนินธุรกิจ ช่วยยกระดับการทำงานของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสอดคล้องตามมาตรฐานสากล ซึ่งสร้างโอกาสเติบโตทางการตลาด การขยายช่องทาง พัฒนาสินค้า และเป็นที่ยอมรับของลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
ข่าวเด่น