ดูเหมือนว่าบรรยากาศของตลาด Digital Asset ยังคงความอึมครึม ไม่ค่อยสู้ดีนัก หลังจากเกิดเทศกาล Sell in May ไปเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ที่ราคาของ Bitcoin ไหลลงกระฉูดมาทำระดับต่ำสุดที่ประมาณ 17,588 ดอลลาร์สหรัฐ ในกระดานซื้อขาย Binance ก่อนทำ Sideway อยู่ที่ระดับ 19,000 ปลายๆ - ต้นๆ 21,000 ดอลลาร์สหรัฐ ณ ปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเหรียญแม่ราคาต่ำลง เหรียญ Altcoin ต่างๆในตลาดส่วนใหญ่ก็ต่างเคลื่อนที่ตามแนวโน้มถ่วงลงไปตามๆกัน ไม่พ้นแม้แต่เหรียญระดับ Top ในตลาดอย่าง Ethereum และ BNB ที่มี Utilities ต่างๆมากมาย รวมถึงใช้เป็นสกุลเงินในการซื้อขาย NFT ทำให้ตลาด NFT ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
หากเราดูในส่วนของมูลค่าตลาด NFT จะพบว่า ในปี 2021 อ้างอิงจากบริษัทที่ให้ข้อมูลทางด้านบล็อกเชน Chainalysis Inc. นั้นมีมูลค่ามากกว่า 41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมีมูลค่าที่สูงขึ้นกว่า 21,000% เมื่อเทียบกับปี 2020 (ข้อมูลจาก BNP Paribas L’atelier) ซึ่งเรียกได้ว่าปี 2021 นั้นถือได้ว่าเป็นปีทองเลยก็ว่าได้ โดยความร้อนแรงของ NFT นั้นได้ยิงยาวมาจนถึงช่วงเดือนมกราคมของปี 2022 แต่หลังจากเกิดช่วงตลาดหมี ที่ได้อานิสงส์จากทั้งสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน เรื่องของสภาวะเงินเฟ้อ มาจนถึงช่วงของ Sell in May ทำให้ล่าสุด จากรายงานของ Bloomberg ระบุว่ายอดขาย NFT ในเดือนมิถุนายนปีนี้ มียอดขายต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มิถุนายนของปี 2021 โดยอ้างอิงข้อมูลจาก DappRadar ที่สะท้อนจากปริมาณการขายในแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ที่ชื่อ OpenSea ว่าในเดือนมิถุนายน 2022 อยู่ที่ 670 ล้านดอลลาร์ ลดลง 75% จากเดือนพฤษภาคมของปีเดียวกัน และถือว่าปริมาณการขายนั้นลดลงไป 93% หากเทียบกับช่วงต้นปีหรือเดือนมกราคมเลยทีเดียว
หรือว่า NFT จะตายแล้ว?
หากลองค้นข้อมูลกันเพิ่มเติมอีกสักนิด จะพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า แม้เม็ดเงินจะไหลออกจากตลาด NFT รวมถึงตลาดลงทุนโดยรวม (ที่อาจมาจากสาเหตุของทั้งโลกกำลังตั้งรับกับสภาวะเงินเฟ้อ ทำให้มีการถือเงินสดไว้กับตัวมากกว่า) แต่จำนวนคอลเลคชั่น หรือจำนวนโปรเจกต์ NFT กลับมีการเปิดตัวเพิ่มขึ้น โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ มีการเปิดตัว NFT มากกว่า 15,000 คอลเลคชั่น หากเทียบกับเดือนที่แล้วที่ออกมาประมาณ 13,000 คอลเลคชั่น
ส่วนทางด้านประเทศไทย ตามรายงานของ Digital Economic Compass 2022 ของ Statista ระบุว่าไทยเป็นผู้นำในฐานะประเทศที่มีผู้ใช้ NFT มากที่สุดในโลกในปี 2021 โดยมีผู้ใช้ทั้งหมดมากถึง 5.65 ล้านคน คิดเป็นการถือครองอยู่ที่ 8.08% ซึ่งสะท้อนออกมาได้ว่า ประเทศไทยเรามีการเปิดรับ NFT มากที่สุด จริงจังถึงขนาดเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งผู้เล่นในตลาดก็ไม่ใช่เพียงแค่คนตัวเล็กๆ ที่หวังเพียงการเก็งกำไร หรือซื้อมาขายไปเพียงอย่างเดียว แต่มีเจ้าของโปรเจกต์ต่างๆที่มองเห็นความก้าวหน้าของตลาด NFT ในอนาคต ซึ่ง 1 ในนั้นคือ Stock2morrow บริษัทที่เป็นศูนย์รวมองค์ความรู้ในเรื่องของหุ้นและการลงทุน ที่ได้รับการยอมรับมากว่า 16 ปี โดยล่าสุดนั้นได้พัฒนา และเตรียมตัวออกคอลเลคชั่น NFT แรกของตัวเอง ในโปรเจกต์ที่ชื่อ “BULLMOON Club NFT” ที่จะมีการออก NFT ทั้งหมดในจำนวน 5,500 ชิ้น นำเสนอคุณค่าที่เน้นความเป็นคอมมูนิตี้ของนักลงทุนและนักธุรกิจเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่การลงทุนรูปแบบใหม่ในโลกดิจิทัล โดยผู้ที่ถือ NFT ชิ้นนี้ จะได้สิทธิเข้าร่วมกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟ กับกูรูและนักธุรกิจจำนวนมากในวงการลงทุน สิทธิร่วมงานเน็ตเวิร์กกิ้งต่างๆ ของสมาชิก BullMoon Club NFT สิทธิเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจและสิทธิประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจในอนาคต ได้สิทธิก่อนใคร ในโครงการ Metaverse Bangkok ปี 2566 พร้อมทั้งได้รับส่วนลด On Top 10% ทุกสินค้าและบริการของ Stock2morrow
โดยที่ทาง Stock2morrow ได้เตรียมออกคอลเลคชั่น NFT ของตัวเอง แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ตลาด NFT ได้รับความนิยมที่ลดลง เพราะว่าบริษัทได้มองทิศทางของตลาด NFT ว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกไกลรับโลกอนาคต ถึงแม้ในระยะนี้จะมีความผันผวนสูงแต่ก็ถือเป็นช่วงปฏิวัติวงการ “สินทรัพย์ดิจิทัล” คัดกรองให้เหลือเพียงสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือ ซึ่งในอนาคตมีโอกาสกลับมาเติบโตได้อีก โดยเฉพาะ NFT ซึ่งเป็นเทรนด์การสร้างรายได้และลงทุนทำกำไรได้ในระยะยาว (Long Term Investment) ที่น่าสนใจ แต่จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลและวางแผนอย่างดีควบคู่ไปด้วย
เรียกได้ว่าเป็นอีก 1 สัญญาณอันดีสำหรับการคาดการณ์ทิศทางของตลาด NFT ในมุมมองของบริษัทที่มีความเขี่ยวชาญด้านการลงทุน ที่เปิดประตูต้อนรับ Digital Asset พร้อมแนะนำนักลงทุนในโลกเก่าให้เกิดการ Adoption ในตัวของ NFT อีกด้วย ซึ่งในมุมมองดังกล่าว ก็สอดคล้องกับ MarketsandMarkets ที่เผยว่า ตลาด NFT คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 4.5 เท่า ภายในปี 2027 หรือในอีก 5 ปีต่อจากนี้ ซึ่งตลาดมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงถึง 13,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากมูลค่าตลาดที่มีอยู่ในปัจจุบันที่ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่ 35.0%
แม้อนาคตเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถรับประกันได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างในเรื่องของตลาด NFT ที่มูลค่าตลาดนั้นตกลงมาซบเซาในปีนี้ แต่หากพิจารณาถึงความเป็นจริงที่โลกของเรากำลังเผชิญกับสถานการณ์ความยากลำบากทางเศรษฐกิจ ที่มีกลไกให้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะถือเงินสดเอาไว้ ประกอบกับแนวโน้มของตลาด Digital Asset ในอนาคตตามที่ได้กล่าวมา หากเรายังมีกระแสเงินสดที่เพียงพอ และไม่เดือดร้อนที่จะลงทุนในระยะยาว NFT ก็อาจเป็นตัวเลือกในการพิจารณาสำหรับการลงทุนที่ดี ที่อาจสร้างผลกำไรที่ยั่งยืนให้กับเราได้ในอนาคต
ที่มา
-https://www.salika.co/2022/06/04/nft-thailand-most-user-2022/
-https://www.chainalysis.com
-https://www.bloomberg.com
ข่าวเด่น