คาด SET ยังมี upside ระยะสั้นจำกัดบริเวณ 1600-1610 จุด และมีโอกาสชะลอตัวลดความร้อนแรง หรือแรงขายทำกำไร ส่วนการเยือนไต้หวันของเพโลซีแม้ไม่มีการปะทะกันทางทหาร อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามท่าทีจีนว่าจะมีการยกระดับมาตรการตอบโต้ขึ้นหรือไม่ ด้านแนวรับกรอบล่างอยู่ที่ 1586 จุด หากต่ำกว่าจะเห็นการอ่อนตัวชัดขึ้นและมีแนวรับถัดไปที่ 1576 จุด
ประเด็นสำคัญ
จีนตอบโต้ไต้หวันด้วยการระงับนำเข้าสินค้าอาหารและผลไม้หลังแนนซี เพโลซี เสร็จสิ้นภารกิจเยือนไต้หวัน
• กระทรวงท่องเที่ยวฯ ตั้งเป้า นทท.ปีนี้ 10 ล้านคน หลัง 7 เดือนแรกปีนี้ 3.15 ล้านคน เป็นปัจจัยบวกกลุ่มท่องเที่ยว
• ผู้ประกอบการอสังหาฯ ชะลอซื้อที่ดินลดภาระต้นทุนภาษี โดยดัชนีราคาที่ดินเปล่า กทม. 2Q65 +4%QoQ +6.5%YoY
• บอร์ด กสทช. ขอข้อมูลเพิ่มเติมดีลควบรวม TRUE-DTAC เราคาดอาจออกเกณฑ์บางอย่างเพื่อไม่ทำให้ผู้บริโภคเสียหาย
• กกพ. เตรียมแถลงปรับขึ้นค่าไฟ 5 ส.ค.นี้ ยืนยันปรับ Ft ขึ้นอีก 68.66 สต./หน่วย เป็นประเด็นบวกต่อหุ้นโรงไฟฟ้า
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ตลาดหุ้นไทยยังยากที่จะคาดหวังการฟื้นตัวได้แรงเนื่องจากภาพใหญ่ของเศรษฐกิจทั่วโลกยังกดดัน และคาดจะเริ่มเห็นเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลกระทบเชิงลบต่อกำลังซื้อ อีกทั้งยังต้องจับตาท่าทีของรัฐบาลจีนต่อการควบคุม COVID หลังตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ช่วงสั้นคาด SET จะผันผวนขึ้นอยู่กับการเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q65 ไประยะหนึ่ง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ และ/หรือ มีโมเมนตัมกำไรฟื้นตัวได้ดี
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ภายใต้ภาวะตลาดที่กำลังเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการ จึงเน้นเลือกกลุ่มลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ และ/หรือ มีโมเมนตัมกำไรดี ดังนี้
1) หุ้นที่พรีวิวมีโอกาสออกมาดีและมีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลังประกาศงบ 2Q65 เลือก BCP AWC ERW
2) หุ้นที่คาดผลดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำไรมีโมเมนตัมดีขึ้นตั้งแต่ 2Q65 รวมทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก IVL KCE MTC ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มควำมระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์อย่างกลุ่มปาล์ม อาทิ UVAN UPOIC VPO CPI LST หลังผลผลิตปาล์มอินโดนีเซียและมาเลเซียออกสู่ตลาดมากขึ้น และกลุ่มข้าวสาลีและแป้งมันอาทิ UBE TMILL TWPC หลังยูเครนเริ่มส่งออกธัญพืชออกสู่ตลาดโลกได้
2) หุ้นกลุ่มเดินเรือเทกอง อาทิ PSL TTA ซึ่งคาดได้ Sentiment ลบจากการปรับตัวลงต่อเนื่องของดัชนี BDI โดยล่าสุดวานนี้ BDI Index ปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ราว 4.7%DoD สู่ระดับ 1731 จุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
3) หุ้นที่มีโอกาสสูงจะโดนตลาดปรับลดประมาณการ หลังล่าสุดมีความเสี่ยงกดดันผลดำเนินงานมากกว่าที่คาด อาทิ ASP MST NRF OSP DTAC
Daily Focus
BCP 2Q65 คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้นมากทั้ง YoY และ QoQ จาก market GRM ที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด ราคาหุ้นที่ปรับลงสะท้อนข่าวรัฐบาลขอให้ผู้ประกอบการโรงกลั่นส่งกำไรส่วนหนึ่งเข้ำกองทุนน้ำมันแล้ว เรายังชอบ BCP มากกว่ำผู้ประกอบการรายอื่นๆ เนื่องจากมีพอร์ตธุรกิจที่สมดุล
KCE 2Q65 ตลาดคาดกำไรเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ แรงหนุนจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังได้อำนิสงส์จากเงินบาทที่อ่อนค่า ขณะที่ระยะยาวมองเป็นอีกหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในส่วนของ EV Car
ข่าวเด่น