เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.ไทยพาณิชย์วิเคราะห์ "หากต่ำกว่า 1586 เริ่มเป็นลบกลุ่มพลังงานกดดัน"


 

 
คาด SET ยังมี upside ระยะสั้นจำกัดบริเวณ 1605-1620 จุด และมีโอกาสอ่อนตัว จากราคาน้ำมันที่ปรับลงกดดันดัชนีผ่านกลุ่มพลังงาน ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1586 จุด เป็นจุดติดตาม หากต่ำกว่าจะเริ่มเป็นสัญญาณลบหรือเห็นการอ่อนตัวชัดขึ้น โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1576 จุด ประเด็นสำคัญติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐเดือนก.ค. พุธหน้าว่าจะชะลอตัวตามที่ตลาดคาดหรือไม่

ประเด็นสำคัญ

• จีนซ้อมรบ-ยิงขีปนาวุธรอบเกาะไต้หวันและน่านน้ำทะเลญี่ปุ่น คาดมีผลจิตวิทยาการเดินทาง นทท. กระทบเป้าจำนวน นทท.
 
• BoE ขึ้น ด.บ. 0.5% มากสุดรอบ 27 ปีหลังเงินเฟ้อสูงสุดรอบ 40 ปี เตือน ศ.ก. อาจถดถอยตั้งแต่ 4Q65 ถึงสิ้นปี 66
 
• สหรัฐประกาศโรคฝีดาษลิง เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข มีผู้ติดเชื้อกว่า 6000 ราย ส่วนไทยยังเฝ้าระวังหลังตรวจพบ 3 ราย
 
• ตลาดแรงงานสหรัฐลดความร้อนแรงหลังผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น-ตำแหน่งงานเปิดใหม่ลดลง คาดแรงกดดันเงินเฟ้อชะลอลง
 
• มาเลเซียเตรียมส่งออกไก่หลังมาตรการห้ามส่งออกสิ้นสุด 31 ส.ค.หลังมีอุปทานส่วนเกิน คาดกดดันราคาไก่ให้ปรับลดลงระยะถัดไป
 
• กกพ.วันนี้แถลงปรับขึ้นค่า Ft ก.ย.–ธ.ค. 65 เป็นหน่วยละ 93.43 สต. หนุนหุ้นโรงไฟฟ้า SPP ที่ขายไฟให้ลูกค้าอุตสาหกรรม

กลยุทธ์การลงทุน

แม้ตลาดหุ้นไทยยังยากที่จะคาดหวังการฟื้นตัวได้แรงเนื่องจากภาพใหญ่ของเศรษฐกิจทั่วโลกยังกดดัน และคาดจะเริ่มเห็นเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลกระทบเชิงลบต่อกำลังซื้ออีกทั้งยังต้องจับตาท่าทีของรัฐบาลจีนต่อการควบคุม COVID หลังตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ช่วงสั้นคาด SET จะผันผวนขึ้นอยู่กับการเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q65 ไประยะหนึ่ง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ  “Selective Buy” ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ และ/หรือ มีโมเมนตัมกำไรฟื้นตัวได้ดี

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : ภายใต้ภาวะตลาดที่กำลังเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการ จึงเน้นเลือกกลุ่มลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ และ/หรือ มีโมเมนตัมกำไรดี ดังนี้
1) หุ้นที่พรีวิวมีโอกาสออกมาดีและมีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลังประกาศงบ 2Q65 เลือก BCP AWC ERW
 
2) หุ้นที่คาดผลดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำไรมีโมเมนตัมดีขึ้นตั้งแต่ 2Q65 รวมทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก IVL KCE MTC ช่วงสั้นแนะน่าให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
 
1) หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์อย่างกลุ่มปาล์ม อาทิ UVAN UPOIC VPO CPI LST หลังผลผลิตปาล์มอินโดนีเซียและมาเลเซียออกสู่ตลาดมากขึ้น และกลุ่มข้าวสาลีและแป้งมันอาทิ UBE TMILL TWPC หลังยูเครนเริ่มส่งออกธัญพืชออกสู่ตลาดโลกได้
 
2) หุ้นกลุ่มเดินเรือเทกอง อาทิ PSL TTA ซึ่งคาดได้ Sentiment ลบจากการปรับตัวลงต่อเนื่องของดัชนี BDI โดยล่าสุดวานนี้ BDI Index ปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 9 ราว 7.4%DoD สู่ระดับ 1603 จุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
 
3) หุ้นที่มีโอกาสสูงจะโดนตลาดปรับลดประมาณการ หลังล่าสุดมีความเสี่ยงกดดันผลดำเนินงานมากกว่าที่คาด อาทิ NRF OSP DTAC

Daily Focus

GPSC ช่วงสั้นคาดได้โมเมนตัมบวกจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันและ Bond Yield รวมทั้งยังได้ประโยชน์จากโอกาสการปรับขึ้นค่า Ft ตั้งแต่ ก.ย.-ธ.ค. 65 ซึ งจะช่วยชดเชยต้นทุนก๊าซที่ปรับขึ้นก่อนหน้านี้ หนุนมาร์จิ้นฟื้นตัวดีขึ้น

SCGP 3Q65 ตลาดคาดกำไรปกติจะดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ แรงหนุนจากฐานต่ำปีก่อน การปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ครอบคลุมต้นทุนทีสูงขึ้น อุปสงค์ในประเทศที่ดีขึ้น และการส่งออกไปจีนมากขึ้น รวมทั้งยังรับรู้กำไรเพิ่มเติมจากการเข้าซื้อกิจการ Peute
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 05 ส.ค. 2565 เวลา : 11:30:34
15-05-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 15, 2025, 12:49 pm