เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
Special Report : สหรัฐ-จีน รอยร้าวทางเศรษฐกิจที่กำลังปะทุขึ้น จากการเยือนไต้หวันของประธานสภาสหรัฐ


 

 

 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา "แนนซี เพโลซี" ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา ได้มีการร่วมประชุมกับประธานาธิบดีไต้หวัน "ไช่ อิงเหวิน" พร้อมกับให้คำมั่นว่า "สหรัฐฯจะไม่ทอดทิ้งไต้หวัน" นับเป็นการหารือครั้งประวัติศาสตร์ เพราะเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากทางสหรัฐฯได้มีการเยี่ยมเยือนไต้หวัน อันเนื่องมาจากนโยบายจีนเดียว หรือ One China Policy ที่ทางสหรัฐฯ และนานาประเทศนั้นเคารพนโยบายดังกล่าวของจีนมาโดยตลอด แต่ล่าสุดเหตุการณ์การเยี่ยมเยือนไต้หวันข้างต้นนี้นับเป็นจุดที่ก่อให้เกิดความไม่พอใจของจีน และอาจเป็นรอยร้าวซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติเศรษฐกิจในอนาคต


 
 
แนนซี เพโลซี เป็นสมาชิกรัฐสภามาถึงเกือบ 40 ปีแล้ว และในตอนนี้ได้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ เธอถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีจุดยืนด้านความเป็นประชาธิปไตยอย่างเหนียวแน่นอย่างการเดินทางไปยังกรุงเคียฟ ของยูเครน ท่ามกลางสภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน เพื่อแสดงถึงจุดยืนของทางสหรัฐฯและประเทศพันธมิตรว่าจะไม่ยอมก้มหัวให้กับประเทศที่ปกครองด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จ และเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่แสดงถึงจุดยืนอย่างชัดเจนที่สุดคือในปีค.ศ.1991 ในการเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งของประเทศจีน โดยเธอได้ไปยืนถือป้ายแสดงความเห็นใจเหยื่อในเหตุการณ์ปราบปรามประชาชนที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน (Tiananmen 1989 ขบวนการประชาธิบไตยที่โดนสังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน)

จริงๆแล้ว การเดินทางในครั้งนี้ของแนนซีนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการเยือนเอเชีย โดยก่อนหน้าที่จะมาเยือนไต้หวัน ก็ได้ไปยังประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียมาแล้ว แต่การที่ไต้หวันถือเป็น 1 ใน "ประเทศ" ที่แนนซีเข้าไปเยือนนั้น เรียกได้ว่าเป็นการแสดงออกทางสัญญาทางการเมือง ที่ไม่ได้เคารพถึงนโยบายจีนเดียวในมุมมองของทางจีน แม้ทาง "โจ ไบเดน" ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ให้การยืนยันว่าทางสหรัฐฯยังคงเคารพกับนโยบายจีนเดียวของทางจีน แต่การที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ไปเยือนไต้หวันนั้น อยู่นอกเหนืออำนาจของโจ ไบเดน ที่ไม่ได้มีสิทธิในการเข้าไปห้ามปรามแต่อย่างใด

แนนซีได้กล่าวถึงจุดประสงค์ในการมาเยือนไต้หวันว่า “จุดหมายของเรา มี 3 เป้าหมาย คือเราต้องการเพิ่มความร่วมมือระหว่างรัฐสภา และเราทำเช่นนี้ (การมาเยือน) ในเวลาที่ประธานาธิบดีของเราเน้นเรื่องความริเริ่มเอเชีย-แปซิฟิก ที่เราสนับสนุน เราจึงต้องการทำให้ชัดเจนในการทำงานร่วมมือกับทางไต้หวัน” นอกจากนี้แนนซีก็ยังได้ย้ำถึงกฎหมายความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและไต้หวันที่เกิดขึ้นเมื่อ 43 ปีที่แล้วว่า “ฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่จะต้องย้ำเตือนการมาไต้หวันในครั้งนี้ เพราะเมื่อ 43 ปีที่แล้ว เรื่องกฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน-สหรัฐฯนั้น ให้คำมั่นอย่างแข็งแกร่งว่าจะเคียงข้างไต้หวันเสมอ ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่งนี้ เราได้เสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนที่อยู่บนฐานของค่านิยมร่วมกัน มีรัฐบาลของตัวเอง มีความมุ่งมั่นของตัวเอง โดยให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ด้านความมั่นคงร่วมกันในภูมิภาคและทั่วโลก โดยมุ่งมั่นเรื่องความสัมพันธ์เชิงเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนความมั่งคั่งให้ประชาชนของเรา”

นับว่าเป็นความตึงเครียดในระดับที่ทุกคนให้ความสนใจกันไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เพราะใครๆก็ต่างรู้ดีว่าประเทศมหาอำนาจอย่างจีน ซีเรียสในเรื่องความเป็นจีนเดียว ที่มองว่าไต้หวันไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศตน ท่าทีของทางสหรัฐฯตั้งแต่มีข่าวออกมาก่อนว่าจะมีการไปเยือนไต้หวัน ถือเป็นประเด็นอ่อนไหวระดับโลก ที่สายตาทุกๆคนต่างจับจ้องว่าสหรัฐฯจะกระตุกหนวดมังกรของประเทศมหาอำนาจอันดับ 2 หรือไม่ สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า จีนได้ส่งเครื่องบินรบและเรือรบหลายลำเข้าประชิดเส้นแบ่งเขตแดนในช่องแคบไต้หวันเมื่อช่วงเช้าของวันอังคารที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งการเคลื่อนที่เข้าใกล้เส้นกึ่งกลาง หรือเส้นมัธยฐานเป็นการกระทำที่ผิดปกติอย่างมาก สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนนี้ จึงย่อมส่งผลกระทบเป็นโดมิโน่ไปยังเรื่องอื่นๆมากมาย โดยเฉพาะในตลาดหุ้นที่มีการปรับตัวลดลงมาดูเชิงก่อนว่าจะออกหัวหรือก้อย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ ร่วงกว่า 100 จุดในช่วงเช้าวันอังคาร (ในช่วงที่มีข่าวว่าแนนซีจะมาเยือนไต้หวัน) โดยเมื่อเวลา 09.45น. ดัชนีดาวโจนส์   ฟิวเจอร์ร่วงลง 140 จุด หรือ -0.43% แตะที่ 32,627 จุด แต่เมื่อแนนซีได้มาเยือนที่ไต้หวันและออกไปประเทศญี่ปุ่นโดยสวัสดิภาพ ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ก็กลับมาบวกกว่า 400 จุดเลยทีเดียว

ทางจีนเองนั้นได้มีการตอบโต้ทันทีที่แสดงถึงความไม่พอใจ โดยการประกาศซ้อมรบด้วยกระสุนจริงอย่างน้อย 3 ครั้ง บริเวณช่องแคบไต้หวัน หลังเตือนทางสหรัฐว่าอย่าเล่นกับไฟ โดยจีนมีการประกาศซ้อมรบในระหว่างวันที่ 3 (วันที่แนนซีร่วมประชุมกับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน) ไปจนถึง 7 สิงหาคม ในน่านน้ำและน่านฟ้ารอบไต้หวัน และจีนยังเตือนว่าไม่ให้มีเรือหรือเครื่องบินล่วงล้ำเข้าไปในพื้นที่เหล่านี้ในระหว่างการฝึกซ้อม นอกจากนี้ยังมีปฏิบัติการณ์ร่วมทางทหารใกล้ใต้หวันตั้งแต่คืนวันอังคารที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมาตามที่กล่าวไปข้างต้น

แม้ดูเหมือนว่าทางจีนยังไม่ได้เล่นอะไรแรงๆ เพื่อเป็นการตอบโต้ทางสหรัฐฯ นอกไปจากการซ้อมรบ ที่นักลงทุนต่างคาดการณ์กันไปว่าการมาเยือนครั้งนี้จะส่งผลเสียกับทางเศรษฐกิจและตลาดทุน ทำให้นักลงทุนหลายๆคนโดนล้าง Short กันไปมากมาย แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดู และระวังพอร์ตการลงทุนของเราให้ดีเป็นพิเศษในช่วงนี้ เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ความไม่แน่นอนปะทุเกิดขึ้นมาอีก ความมั่งคั่งที่เราคอยพยุงในช่วงสถานการณ์เงินเฟ้อนี้อาจย่ำแย่ลงไปอีกก็เป็นได้

LastUpdate 08/08/2565 17:31:26 โดย : Admin
15-05-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 15, 2025, 12:50 pm