สยามแก๊สฯ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2565 บุ๊คกำไรเพิ่ม 176 ลบ. พร้อมกับรายได้ 24,632.29 ลบ. เพิ่มขึ้น 39.61% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนงวด 6 เดือน มีกำไรอยู่ที่ 1,165.58 ลบ. กวาดรายได้ 51,415.44 ลบ. เพิ่มขึ้น 47.41% รับผลบวกดีมานด์ใช้ LPG ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เดินหน้ารุกตลาดค้าปลีกภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศเริ่มดีขึ้น รวมไปถึงเปิดตลาดค้าส่งใหม่ๆ เข้าสู่ภูมิภาคเอเชียใต้อย่างอินเดีย เป็นต้น ภายหลังจากไปบุกตลาดบังคลาเทศและเห็นความต้องการใช้ก๊าซเพิ่มขึ้นทุกปี ประเมินราคาสัญญาซื้อขาย LPG ในตลาดโลกล่วงหน้าในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการใช้ก๊าซ ภายหลังที่ไตรมาสที่ 2 ปรับตัวลงแรงโดยลดลงไปกว่า 157.50 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยราคาเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 750 เหรียญสหรัฐต่อตัน ด้านบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.20 บาท/หุ้น ตอกย้ำการเป็นหุ้นจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า ผลประกอบการในงวดไตรมาส 2 ปี 2565 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 176.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.32% เทียบกับงวดปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 174 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย,การขนส่ง และการให้บริการ จำนวน 24,632.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,988.30 ล้านบาท หรือร้อยละ 39.61
ภาพรวมธุรกิจในช่วง 6 เดือนของปี 2565 มีการเติบโตขึ้นราว 4.5% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับความต้องการใช้งานพลังงานในระดับสูงขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มจะมีแนวโน้มดีขึ้น ส่งผลให้ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการต่างๆลดลง รวมไปถึงการเดินทางเข้า-ออกประเทศได้สะดวกมากขึ้น ส่งผลดีต่อภาคธุรกิจในด้านต่างๆ ให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น ในส่วนของปัจจัยทางด้านปัญหาสงครามระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน ส่งผลต่อราคาพลังงานทั่วโลกมีความผันผวนอย่างมาก รวมไปถึงราคาก๊าซ LPG ด้วยเช่นกัน ซึ่งในเดือนเมษายน 65 ที่ขึ้นไปถึงระดับ 950 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งสูงสุดในรอบ 8 ปี ที่ผ่านมา แต่ก็ปรับตัวลดลงในอีก 2 เดือนถัดมาถึง 157.50 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่งผลให้ราคา ณ เดือนมิถุนายน 65 อยู่ในระดับ 750 เหรียญสหรัฐต่อตัน
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯในงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 1,165.58 ล้านบาท ลดลง 330.47 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 22.09 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,496.06 ล้านบาท มีรายได้จากการขาย การขนส่งและการให้บริการ 51,415.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น16,537.34 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 47.41
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.20 บาท โดยบริษัทฯกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาล (Record Date) ในวันที่ 25 สิงหาคม 2565 และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 กันยายน 2565
อย่างไรก็ดีในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงวางเป้าหมายปริมาณการจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ทั้งปี 2565 ไว้ที่ 3.65 ล้านตัน หรือเติบโตขึ้น 11% จากปี 2564 โดย 6 เดือนแรกที่ผ่านมา ยอดจำหน่ายก๊าซ LPG ของบริษัทสามารถเติบโตได้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือราว 50% ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลัง จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น คาดว่ายอดขายจะสามารถเป็นไปได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างแน่นอน
ข่าวเด่น