คาด SET เช้านี้ ได้รับ Sentiment ลบ จากตลาดหุ้นสหรัฐ หลังรายงานประชุมเฟดระบุยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่สัญญาณเทคนิคยังเตือนถึงการพักตัว จากสัญญาณ Overbought และ Divergence ดังนั้นให้ระวังกรอบล่างบริเวณ 1629 จุด หากต่ำกว่า จะเริ่มเป็นสัญญาณลบ ด้านแนวต้านเมื่อวานยังไม่ผ่าน 1643 จุด
ประเด็นสำคัญ
รายงานการประชุม ก.ค. ระบุ คกก. Fed จะเดินหน้าขึ้น ด.บ. เพื่อสกัดเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ทางด้านยอดค้าปลีกทรงตัวใน ก.ค.
มณฑลเสฉวนของจีนสั่งโรงงานปิดทำการ 6 วัน บรรเทาปัญหาขาดแคลนพลังงาน ผลจากคลื่นความร้อน คาดกระทบการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และแผงพลังงานแสงอาทิตย์
ส.อ.ท. กังวลปัญหาขาดแคลนชิปจะกลับมาอีกครั้ง กระทบการผลิตและส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า-อิเล็กฯ ในปีหน้าราว 2.2 ล้านลบ.
รมว.คลังคาด EEC ช่วยผลักดัน GDP ไทยโตได้ 5-10% ในอนาคต ขณะที่บอร์ด BOI อนุมัติ 4 โครงการลงทุนใหญ่รวม 4.45 หมื่นลบ.
ททท. คงเป้า นทท. ปีนี้ 10 ล้านคน หลังจำนวน นทท. สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 4 ล้านคน ทางด้าน Bloomberg คาดครึ่งปีหลังเงินบาทไทยแข็งค่าสุดในเอเซีย หนุนจาก นทท.ไหลกลับเข้าไทย
รมว.สาธารณสุขระบุร่าง พรบ. ควบคุมกัญชงกัญชาคาดแล้วเสร็จ 19 ส.ค. นี้ สร้างมูลค่าตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำกว่า 5 หมื่นลบ.
ก.ท่องเที่ยวฯ เตรียมเสนอ ศบค. จัดโซนนิ่งเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4
กลยุทธ์การลงทุน
ระดับความเสี่ยงด้าน Market Risk เริ่มลดลง หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีสัญญาณชะลอตัวซึ่งคาดจะช่วยให้เฟดไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับ 0.75% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ และถือเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น แต่ด้วยปัจจัยความเสี่ยงสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ และเศรษฐกิจถดถอยในยุโรปยังคงต้องระมัดระวังต่อไป กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี และ/หรือ มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : แม้ตลาดมี Market Risk เริ่มลดลงจากการชะลอตัวของเงินเฟ้อ แต่ยังต้องระมัดระวังการถดถอยของภาวะเศรษฐกิจ จึงเน้นเลือกกลุ่มลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี และ/หรือ มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Big Cap. ที่คาดได้อานิสงส์จาก Fund Flow ที่มีแนวโน้มไหลเข้า และ Valuation ยังไม่แพง เลือก KBANK BDMS
2) หุ้นได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวฟื้นตัวซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ เลือก ERW MINT CRC AOT
3) หุ้นที่ผลการดำเนินงาน 2H65 ยังมีแนวโน้มโตดี และมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในช่วง ส.ค.-ก.ย. เลือก PTT BCP LH SPALI
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้รับ Sentiment ลบจากการปรับลดเป้าส่งออกรถยนต์จากปัญหาขาดแคลนชิป อาทิ NYT SAT AH STANLY
2) หุ้นอิเล็กทรอนิกส์อย่าง DELTA, KCE หลังราคาหุ้นปรับขึ้นแรงแล้ว อีกทั้งล่าสุด guidance ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำของโลกไม่สดใสและเริ่มเห็นสัญญาณคำสั่งซื้อชะลอตัว
3) หุ้นกลุ่มเดินเรือเทกอง อาทิ PSL TTA ซึ่งคาดได้ Sentiment ลบจากการปรับตัวลงต่อเนื่องของดัชนี BDI
Daily Focus
PTT มองแนวโน้มผลประกอบการจะยังแข็งแกร่ง แม้ 2H65 คาดกำไรจะอ่อนตัวลงบ้าง HoH จากการลดลงของกำไรสต็อกและ GRM ที่สูงผิดปกติใน 1H65 นอกจากนี้ยังมี Upside Risk เกี่ยวกับเงินปันผลระหว่างกาลซึ่งคาดเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น
AMATA 2H65 คาดการเปิดประเทศเต็มรูปแบบและการกลับมาเริ่มขยายการลงทุนจะเป็นปัจจัยหนุนยอดขายและยอดโอนที่ดินปีนี้ ขณะที่ธุรกิจสาธารณูปโภคยังมีระดับการเติบโตเฉลี่ยกว่า 10% ต่อปีบนฐานที่มั่นคง หนุนทั้งปี 65 คาดกำไรราว 1.8 พันลบ. เติบโต 28%YoY
ข่าวเด่น