บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานงวดสะสม 6 เดือนแรก ปี 2565 มียอดขายรวม 99,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานรวม 5,021 ลบ. ลดลง 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัจจัยต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้น
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 181 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 188 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงาน โดยงวดสะสม 6 เดือนปี 2565 พบ บจ. ที่รายงานกำไรสุทธิจำนวน 127 บริษัท คิดเป็น 70% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2565 ของ บจ. mai เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 99,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8% ต้นทุนขาย 79,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.2% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลงจาก 23.9% มาอยู่ที่ 20.6% กำไรจากการดำเนินงาน 5,021 ล้านบาท ลดลง 3.6% และมีกำไรสุทธิรวม 4,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1/2565 มีการบันทึกกำไรจากการขายโรงไฟฟ้าของ บจ. แห่งหนึ่ง มูลค่ารวม 1,423 ล้านบาท โดยมี 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กลุ่มบริการ กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
ด้านผลประกอบการไตรมาส 2/2565 บจ. มียอดขายรวม 51,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.9% กำไรจากการดำเนินงาน 2,525 ล้านบาท ลดลง 2.4% ขณะที่กำไรสุทธิรวม 1,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2564
“ครึ่งแรกของปี 2565 บจ. ส่วนใหญ่มียอดขายเติบโต สอดคล้องกับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาด (COVID-19) โดยเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมียอดขายเพิ่มขึ้น ยกเว้นกลุ่มธุรกิจการเงิน แต่จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ ส่งผลให้ต้นทุนขายรวมสูงขึ้น ทำให้อัตราการทำกำไรของ บจ. ลดลง อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม บจ. มีการควบคุมสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายได้ดี ทำให้กำไรจากการดำเนินงานรวมลดลงเล็กน้อย นอกจากนี้ ยังเริ่มเห็นการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจจัดงานอิเวนต์ ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เป็นต้น” นายประพันธ์กล่าว
ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 302,579 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.56% จากสิ้นปี 2564 และโครงสร้างเงินทุนรวมแข็งแรงขึ้น โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 0.92 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2564 ที่เท่ากับ 1.02 เท่า
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 188 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2565) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 641.12 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 550,905 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 6,324 ล้านบาทต่อวัน
"SET...Make it Work for Everyone"
ข่าวเด่น