คริปโตเคอเรนซี่
Special Report : ปิดฉากพันธมิตร "SCBX" ล้มดีลซื้อหุ้น "Bitkub" เตรียมเปลี่ยนบทบาทเป็น "คู่แข่ง" แทน


 

 

วันที่ 25 สิงหาคม 2022 ที่ผ่านมานี้ จากการประชุมคณะบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCBS) บริษัทลูกของ SCBX ได้มีมติให้ทำการยกเลิกธุรกรรมการซื้อขายหุ้นกับบริษัท Bitkub จากที่มีการประกาศก่อนหน้าว่า ทาง SCBX จะทำการเข้าซื้อหุ้น Bitkub ในสัดส่วน 51% นับเป็นการคว่ำดีลครั้งใหญ่ ที่ล้มเส้นทางการเป็นยูนิคอร์นของบริษัทสตาร์ทอัพตัวเต็ง และเกิดข้อกังวลว่าธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับเหรียญคริปโตนั้นมีปัญหาอะไรที่ซ่อนเร้นอยู่หรือไม่?


Bitkub (บิทคับ) บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติไทย ที่เป็นศูนย์กลางการซื้อขาย หรือกระดานเทรดเหรียญคริปโตและโทเคนต่างๆ ที่ใครๆได้ยินชื่อต่างก็ร้องอ๋อกันในปัจจุบัน บริษัทได้ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2018 ภายใต้การก่อตั้งของ "ท๊อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา" และกลายมาเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายเหรียญคริปโตที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไทยในช่วงปี 2021 อันเนื่องมาจาก Ecosystem ของคนที่ลงทุนในเหรียญคริปโต โดยเฉพาะในไทยที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างมาก จากผลตอบแทนของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในปีดังกล่าวที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และ Bitkub เองก็ดำเนินธุรกิจมาหลายปี อีกทั้งยังเป็นบริษัทรายแรกๆ ที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เป็นกระดานซื้อขายคริปโตที่ถูกกฎหมาย ความน่าเชื่อถือนี้เองทำให้คนไทยที่เริ่มสนใจลงทุนเหรียญคริปโต ต่างมาทำธุรกรรมใน Bitkub เป็นที่แรก Bitkub จึงกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทย และครองส่วนแบ่งการตลาดในไทยไปมากกว่า 90% เลยทีเดียว

ส่วนอดีตพาร์ทเนอร์ที่เป็นประเด็นอย่าง SCBX คือ บริษัทแม่ของกลุ่ม SCBX Group ที่ดำเนินธุรกิจในลักษณะของบริษัทลงทุน (Private Equity) เข้าถือหุ้นในบริษัทต่างๆ โดยมุ่งเน้นธุรกิจทางการเงินและเทคโนโลยีดิจิทัลที่ตอบโจทย์อนาคต ซึ่ง SCBX เป็นบริษัทที่มาจากการปรับโครงสร้างใหม่ โดยมีการนำ SCBX เข้าตลาดหลักทรัพย์แทนที่ SCB เดิม เหตุผลการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใหม่ คือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการนำบริษัทเข้าสู่ธุรกิจการเงินและแพลตฟอร์มที่ไปได้ไกลกว่าเดิม เป็นการวางรากฐานรองรับบริบทใหม่ของโลก เพราะธุรกิจธนาคารในตอนนี้เริ่มถูก Disrupt ทาง SCB จึงต้องแปลงสภาพตัวเอง โดยจะไม่นิยามว่าเป็นธนาคารในความหมายเดิมอีกต่อไป แต่จะแปลงสภาพกลายเป็นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินที่มีธุรกิจธนาคารที่แข็งแรงขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม และจะขยายเข้าสู่ธุรกิจการเงินส่วนบุคคลที่มีการเติบโตสูง ที่ธนาคารไม่สามารถตอบสนองได้

ด้วยลักษณะของการดำเนินธุรกิจของทาง SCBX ที่มุ่งเน้นธุรกิจการเงินในโลกอนาคต ประกอบกับความเฟื่องฟูของตลาดเหรียญคริปโตในไทยที่เห็นอยู่ตรงหน้า จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกหาก SCBX จะอยากลงมาทำธุรกิจกระดานซื้อขายเหรียญคริปโต ซึ่ง Movement ที่เราได้เห็นกันไปก็คือ SCBX ไม่ได้ปั้นธุรกิจขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง แต่เลือกที่จะทำการเข้าซื้อหุ้นของแพลตฟอร์มอันดับ 1 ในไทยอย่าง Bitkub แทน ซึ่งดีลธุรกิจนี้ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2021 ที่บริษัท SCBX จะลงทุนใน Bitkub ด้วยการส่งบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เข้าซื้อหุ้น 51% ของทาง Bitkub หรือคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 17,850 ล้านบาท

ไทม์ไลน์ในช่วงปี 2021 ด้วยความที่เป็นปีทองของเหรียญคริปโตและแพลตฟอร์ม Bitkub ทาง Bitkub เอง ก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นผู้ให้บริการกระดานซื้อขายเหรียญคริปโตเพียงเท่านั้น แต่ยังมีการพัฒนาเครือข่ายบล็อกเชนของตัวเอง หรือ Bitkub Chain เพื่อเปิดให้นักพัฒนาสามารถเข้ามาสร้างสรรค์แอพลิเคชั่น เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมได้จริง เช่น พวก DeFi หรือ Dapps ต่างๆ ที่มีออกมาแล้วใน Chain อื่น โดยมีเหรียญ KUB Coin หรือ KUB ทำหน้าที่เป็น Utility Coin บน Bitkub Chain ซึ่งช่วงการเปิดตัวได้มีการแจกเหรียญ KUB ผ่านการ Airdrop ให้กับลูกค้าที่มียอดซื้อขายสะสมนับตั้งแต่วันที่ได้รับการยืนยันตัวตนจนถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2021 และเปิดให้มีการซื้อขายอย่างเป็นทางการบนกระดานเทรดในวันที่ 20 พฤษภาคม 2021 โดยมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 30 บาท ซึ่งราคาของเหรียญในช่วงแรกก็ตกลงมาอยู่จุดต่ำสุดราว 12-13 บาท เนื่องจากมีแรงเทขายจาก Airdrop และจำนวน Supply ของเหรียญที่มีมากถึง 1,000 ล้านเหรียญ แต่ต่อมา เมื่อทาง Bitkub ได้มีการประกาศเผาเหรียญ KUB ให้เหลือ Supply เพียง 110 ล้านเหรียญเท่านั้น ก็ทำเอาราคาเหรียญพุ่งทะยานกลับไปที่ราคาประมาณ 24 บาท แต่ราคาก็คงที่และไม่ได้ไต่กลับไปช่วงราคาเปิดตัว จนเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2021 ที่บริษัท SCBX ได้ประกาศเข้าลงทุนใน Bitkub ด้วยเข้าซื้อหุ้น 51% ตามที่ได้กล่าวไป ก็ทำเอาราคาเหรียญพุ่งทะยานไปแตะที่ระดับราคา 98 บาททันที และเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ ผนวกกับข่าวดีที่เหรียญ KUB ได้ลงในกระดานเทรดเหรียญของต่างประเทศอย่าง Gate.io, CoinEx และ MEXC Global ทำให้เหรียญทำจุดสูงสุดเป็น All Time High อยู่ที่ระดับราคา 580 บาท ของวันที่ 28 ธันวาคม 2021 เลยทีเดียว

ทุกอย่างดูกำลังจะไปได้ด้วยดี ดีลที่ SCBX เข้าซื้อหุ้น Bitkub ก็คาดว่าจะปิดดีลได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2022 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2022 ได้ส่งผลกระทบกับตลาดลงทุนและตลาดคริปโต ทั้งการเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาเศรษฐกิจระดับโลก ที่ทำให้ทุกตลาดเข้าสู่สภาวะตลาดหมี ราคาของเหรียญ Bitcoin ตกต่ำลงมาเป็นประวัติการณ์ จน Volume การซื้อขายเหรียญคริปโตในไทยหายไปอย่างชัดเจน เพราะผู้คนกำลังเกิดความกลัวในการลงทุนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง และไม่ได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจอย่างปีที่แล้ว ประกอบกับที่ Bitkub กำลังมีปัญหากับทาง ก.ล.ต. ทำให้ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2022 SCBX ได้แจ้งกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าจะขยายการเข้าทำธุรกิจเดิมออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยให้เหตุผลว่าอยู่ระหว่างกระบวนการสอบทานธุรกิจ และระหว่างการหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ดูท่าจะไม่สู้ดี บวกกับรายงานของ Nikkei Asia ได้เผยว่า ความเชื่อมั่นของ Bitkub เวลานี้อาจจะขึ้นอยู่กับดีลยักษ์ที่ธนาคารไทยพาณิชย์จะเข้ามาลงทุนด้วยการซื้อหุ้น 51% ซึ่งจะทำให้บริษัท Bitkub กลายเป็นยูนิคอร์นของประเทศไทย ทำให้ใครหลายๆ คนต่างเป็นกังวลดีลนี้ดูท่าจะไม่สำเร็จ ซึ่งก็ทำให้มูลค่าของเหรียญ KUB เองร่วงหล่นลงมาเรื่อยๆ ตามความอึมครึมของสถานการณ์ แม้ ท๊อป จิรายุส ผู้ก่อตั้งของ Bitkub จะกล่าวอย่างมั่นใจว่าดีลทางธุรกิจนี้ยังเป็นไปตามเดิม

และในที่สุดข่าวร้ายก็เกิดขึ้นจริง เมื่อการประชุมคณะบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCBS) บริษัทลูกของ SCBX ได้มีมติให้ทำการยกเลิกธุรกรรมการซื้อขายหุ้นกับบริษัท Bitkub ที่จะเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 51% โดยมีผลอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้ ด้วยเหตุผลว่า Bitkub ยังมีประเด็นคงค้างที่ต้องดำเนินการหาข้อสรุปตามคำแนะนำและสั่งการของ ก.ล.ต. ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องระยะเวลาในการหาข้อสรุปดังกล่าว ผู้ซื้อและผู้ขายจึงได้ตกลงร่วมกันที่จะยกเลิกธุรกรรมการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ ทำเอาเหรียญ KUB ร่วงดิ่งลงทันที จากราคาสูงสุดของวันที่ราคา 74.40 บาท ลงมาแตะจุดต่ำสุดที่ราคา 43.22 บาท ซึ่งเป็นการสะท้อนออกมาว่ามีนักลงทุนบางส่วนสูญเสียความเชื่อมั่นไป เนื่องจากก่อนหน้าที่มีการประกาศ SCBX บริษัทรายใหญ่ที่มีธุรกิจการเงินที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานจะเข้ามาลงทุนธุรกิจคริปโตนั้น ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับวงการสินทรัพย์ดิจิทัล จนหลายๆ คนตัดสินใจเข้ามาลงทุน แต่ท้ายสุดดีลครั้งใหญ่นี้ก็ล้มคว่ำลง
 


 
 
 
 
แต่หากค้นดูเรื่องราวเบื้องหลังของเหตุการณ์นี้ ทางเว็บไซต์ของ ก.ล.ต. ได้ให้ข้อมูลว่า บริษัทในเครือข่ายของ SCBX อย่าง SCBS เริ่มประกอบธุรกิจ เปิดกระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นทางการ ซึ่งตามจริง SCBS ได้ License สิทธิ์การเปิดกระดานซื้อขาย ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 แล้ว แต่ก่อนหน้านี้เว็บไซต์ของ ก.ล.ต. ยังใส่วงเล็บไว้ว่า "ยังไม่เริ่มประกอบธุรกิจ" หรือ “Not Operating” แต่เมื่อดีลกับ Bitkub ล้มไปแล้ว วงเล็บที่อยู่บนเว็บไซต์ก็ได้หายไป

เท่ากับว่าการล้มดีลระหว่าง SCBX กับทาง Bitkub ที่ตอนแรก SCBX จะเข้ามาเทคบริษัท Bitkub ด้วยอาศัยเม็ดเงินลงทุนลงไป ก็กลับกลายเป็นว่าจะผันตัวลงมาเล่นโดยเป็นผู้ให้บริการกระดานเทรดเหรียญคริปโต ที่อยู่ภายใต้ SCBX อย่างเต็มตัวเสียเอง นับเป็นการปิดฉากพันธมิตร และผันตัวมาเป็นผู้แข่งขันรายใหม่ในตลาดที่ปะทะ Bitkub และบริษัทที่เหลือในไทยอย่างซึ่งๆหน้า

ไม่มีใครรู้ว่าตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่การประกาศลงทุน ทาง SCBX ได้มีการตรวจสอบธุรกิจ และได้เรียนรู้การบริหารแพลตฟอร์มของ Bitkub นั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าตลาดคริปโตอาจไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่อย่างที่หลายๆ คนเคลือบแคลงใจ จากข้อกังขากรณีที่ SCBX ล้มดีลกับ Bitkub เพราะเหตุผลการยกเลิกไม่ใช่เรื่องของปัญหาจากการสอบทานธุรกิจ ซ้ำยังเห็น Movement ว่าทาง SCBX จะลงมาเปิดเป็นผู้ให้บริการเสียเองด้วยแล้ว แต่สิ่งที่ยังน่าเป็นห่วง เห็นทีว่าอาจจะเป็นทาง Bitkub ว่าจะมุ่งสู่เส้นทางการเป็นยูนิคอร์นตัวต่อไปของไทยได้อย่างไร หากไม่ใช้วิธีการขายหุ้นให้กับบริษัทรายยักษ์แล้ว

 
ที่มา

-https://www.sec.or.th/TH/Pages/Home.aspx

-https://www.scbx.com/th/

-https://medium.com/bitkub

บันทึกโดย : วันที่ : 28 ส.ค. 2565 เวลา : 15:15:04
05-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 5, 2024, 9:21 am