ไอที
Scoop : AI กำลังจะครองโลกจริงหรือไม่? พัฒนาถึงไหนแล้วตอนนี้?


 

 

AI (Artificial Intelligence) ปัญญาประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาให้สามารถคิดได้เอง และแสดงผลออกมาอย่างชาญฉลาดเหมือนหรือเหนือกว่ามนุษย์ โดยมีจุดประสงค์หลักคืออำนวยความสะดวก และแบ่งเบาการทำงานของมนุษย์ให้สามารถตัดสินใจในสิ่งที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น ซึ่ง AI สามารถแบ่งออกได้ตามระดับสติปัญญาอยู่ 3 จำพวกด้วยกัน ได้แก่ ANI AGI และ ASI


1. ANI (Artificial Narrow Intelligence) เป็น AI ที่มีความสามารถเฉพาะทาง เชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่งเพียงเท่านั้น ไม่สามารถคิดต่อยอดเองไปยังศาตร์อื่นๆได้ วิธีการเรียนรู้ของ AI ประเภทนี้คือเรียนรู้จากข้อมูลและชุดคำสั่งที่ถูกป้อนเข้าไปในปริมาณมาก มีการ Deep Learning จนสามารถตัดสินใจจากข้อมูลได้อย่างแม่นยำ

2. AGI (Artificial General Intelligence) เป็น AI ที่มีความฉลาดและความสามารถเหมือนมนุษย์ โดยมีความรู้ในเชิงกว้าง ทั้งความสามารถในการคิดเชิงเหตุผล การคิดซับซ้อน การวางแผนแก้ปัญหา สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ ทำให้ AI ประเภทนี้พัฒนาตัวเอง ทำทุกอย่างเหมือนที่มนุษย์ทำได้

3. ASI (Artificial Super Intelligence) เป็น AI ระดับอุดมคติ ที่ฉลาดกว่า มีความสามารถเหนือมนุษย์ ซึ่งวลีที่ว่า “AI จะครองโลก” ที่ผู้เชี่ยวชาญต่างหวาดกลัวกันนั้นก็คือ AI ประเภท ASI นี้เอง

ปัจจุบันนี้ AI ทุกตัวที่อยู่บนโลก ยังเป็น ANI มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพียงเท่านั้น การมาถึงระดับของ ASI ที่หลายคนต่างจินตนาการว่ามันอาจเป็นภัยทำลายล้างมวลมนุษยชาติเหมือนกับหนังไซไฟ คงยังต้องใช้เวลาอีกยาวนานกว่าจะมาถึง และการที่ AI จะครองโลกก็อาจไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะสุดท้ายแล้วผู้สร้าง AI ก็คือมนุษย์ และหลากหลายบริษัทที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกก็ต่างมีการถกเถียงถึงการป้อนจริยธรรม และข้อมูลสะอาดให้กับ AI ปราศจากอคติ และคอยควบคุมอย่างสม่ำเสมอไม่ให้ AI มองมนุษย์เป็นภัยคุกคาม

แต่อย่างไรแล้วเราก็ยังคงต้องจับตาดู AI กันอยู่ดี เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีนับวันยิ่งมีการพัฒนาในอัตราเร่งที่ก้าวเร็วกว่าความสามารถของมนุษย์ แม้จะเป็น AI ที่อยู่ในระดับ ANI แต่ก็อย่าลืมว่า ANI มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางในศาสตร์แขนงต่างๆ อย่างลึกซึ้ง โดยมี Big Data หรือแหล่งข้อมูลปริมาณมหาศาลที่ถูกป้อนเข้าไป ที่เหนือกว่าการจดจำของสมองมนุษย์ ทำให้ AI มีการประมวลผลได้ดีกว่าแถมยังไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ มองอีกด้านอาจเป็นข้อดีที่ AI จะเป็นเครื่องทุ่นแรงให้มนุษย์ใช้ชีวิตได้สบายขึ้น แต่หากมองในมิติใหญ่ อย่างมิติของแรงงานและการจ้างงาน มีความเสี่ยงสูงมากๆ ที่ AI จะเข้ามา Disrupt อาชีพในตลาด ส่งผลให้เกิดภาวะการว่างงานที่ส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจได้
 
 
ตัวอย่างรูปภาพที่วาดโดย AI Midjourney ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที

ซึ่งในตอนนี้ มี AI หลากหลายประเภทที่ช่วยลดขั้นตอนในการทำงาน (หรือลดต้นทุนในการจ้างงาน) ให้เราสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายมากขึ้น เช่น AI ที่ช่วยรังสรรค์ภาพวาดตามคำบอกจากการที่แค่พิมพ์อธิบายว่าอยากได้รูปอะไร ในโปรแกรม Midjourney ซึ่งวาดเสร็จและแสดงผลออกมาในระยะเวลาที่รวดเร็วเกินขีดจำกัดของมนุษย์ โดยสามารถนำไปใช้ในรูปแบบเชิงพาณิชย์ได้ (สามารถดูเพิ่มเติมได้ในสกู๊ป : รูปนี้ไม่ได้วาดโดยมนุษย์ รู้จัก "Midjourney" AI วาดรูปตามคำบอกด้วยการพิมพ์แค่คีย์เวิร์ด)

 
 
 
QuillBot โปรแกรม AI ที่ช่วยเรื่องงาน Writing ประโยคภาษาอังกฤษให้มีความเป็นธรรมชาติเหมือนกับเจ้าของภาษา มีการช่วยตรวจสอบหลักไวยากรณ์ สรุปใจความสำคัญ รวมถึงช่วยในเรื่องของการเขียนอ้างอิง และเลือกใช้คำศัพท์ ให้ตรงกับภาษาอังกฤษ ทั้งแบบ American English, Canadian English, British English และ Australian English ที่แสดงผลออกมาในระยะเวลาอันรวดเร็ว จึงสามารถช่วยให้มนุษย์สามารถเขียนงานภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่ระดับการใช้งานทั่วไปจนถึงระดับงานวิจัยที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้


 
 
บุคคลในภาพนี้ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นเทคโนโลยี AI ของ NVIDIA ที่ชื่อ StyleGAN (Generative Adversarial Network) ที่พัฒนาสร้างใบหน้าคนเสมือนจริงขึ้นมา โดยหน้าคนจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เมื่อทำการรีเฟรชหน้าเพจ thispersondoesnotexist.com

 

 ขอบคุณรูปภาพจาก Yuri Kageyama/AP

หุ่นยนต์ TX SCARA ภายใต้บริษัท Telexistence สตาร์ทอัพในโตเกียว ร่วมมือกับ NVIDIA และ Microsoft Japan โดยใช้เทคโนโลยี AI ควบคุมหุ่นยนต์ มาช่วยเติมสต็อกตู้แช่เครื่องดื่มได้แบบ 24 ชั่วโมง เติมเครื่องดื่มได้มากกว่า 1,000 ชิ้น/วัน สร้างขึ้นเพื่อทดแทนการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรงหลังจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดปริมาณงานตามสาขาได้ถึง 20% และช่วยให้ร้านค้าประหยัดค่าแรงได้ถึง 10 ชั่วโมงต่อวัน โดยจะถูกนำไปใช้ใน Family Mart กว่า 300 สาขา ภายในสิ้นเดือนมกราคม ปี 2025

นอกจากตัวอย่าง AI ที่ยกมา ในทุกวันนี้ส่วนใหญ่แล้ว AI ก็ยังอยู่ในชีวิตประจำวันของเราอย่างไม่รู้ตัว เช่น การเปิด Google Maps นำทางที่คำนวณหาเส้นทางและระยะเวลาการเดินทางที่เหมาะสมที่สุดให้กับเรา ระบบ Recommendation หนังใน Netflix ที่ประมวลผลจากพฤติกรรมการดูของเรา รายการสินค้าที่แนะนำในแอพ Shopee หรือ Lazada AI ก็ล้วนแล้วแต่อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น จึงเห็นได้ว่าหลากหลายธุรกิจต่างได้นำเอา AI เข้ามาใช้งานเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดภาระหน้าที่ของพนักงานเพื่อประหยัดเวลา ไปจนถึงการตัดพนักงานออกไปเลยเพื่อลดต้นทุน ซึ่งแน่นอนว่าจะมีการพัฒนา AI ใหม่ๆ ที่มีความฉลาดและล้ำหน้าออกมาอีกเรื่อยๆ ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มาอย่างไม่หยุดยั้ง จึงเป็นเรื่องที่ภาคธุรกิจต้องจับตามองเพื่อก้าวตามให้ทันโลกและคู่แข่ง รวมถึงในแง่ของบุคคลที่อาจต้องฝึกฝนสกิลเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้โดน AI นั้น Disrupt เราได้



 

LastUpdate 23/09/2565 22:25:42 โดย : Admin
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 3:04 pm