ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยผลการศึกษา "การศึกษาปรับปรุงกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อสร้างความโปร่งใส เป็นธรรม คุ้มค่า และเอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมก่อสร้าง" พบว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างมีความสำคัญสูงต่อเศรษฐกิจไทย แต่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จึงต้องยกระดับมาตรฐานเพื่อรับมือความท้าท้าย ซึ่งการจัดจ้างก่อสร้างภาครัฐมีความสำคัญอย่างมากในการกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมก่อสร้าง เนื่องจากการจัดจ้างก่อสร้างภาครัฐมีมูลค่าเกือบร้อยละ 60 ของอุตสาหกรรมก่อสร้างทั้งหมด
แต่แนวทางการจัดจ้างก่อสร้างภาครัฐที่เป็นอยู่ไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพ ไม่เอื้อต่อการปรับตัวของอุตสาหกรรมและการพัฒนาเศรฐกิจ ดังนั้นควรปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ. 2560 ครั้งใหญ่ทั้งระดับและแนวทางปฏิบัติ
โดยจากการศึกษาพบว่าเพียงแค่การปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติ ให้เบิกจ่ายตรงเวลามากขึ้น และลดเวลาการหยุดชะงักของงานลง สามารถช่วยให้ GDP ขยายตัวกว่าร้อยละ 0.5 เนื่องจากการเบิกจ่ายที่ตรงเวลาจะช่วยลดต้นทุนการเงินได้ราว 6,200 ล้านบาท หรือราวร้อยละ 1 ของ GDP ภาคก่อสร้าง และการลดการหยุดชะงักจะเพิ่มประสิทธิภาพการก่อสร้างทั้งอุตสาหกรรมราวร้อยละ 6
จากผลการศึกษาดังกล่าวจึงนำมาจัดทำเพื่อเสนอปรับปรุง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ. 2560 ใน 5 ข้อ
1. ปรับแนวคิดกฎหมายจากการเน้น “ประโยชน์หน่วยงานของรัฐ” ไปสู่ “ประโยชน์ของสาธารณะ” ซึ่งเป็นประโยชน์ที่กว้างกว่าเพราะจะรวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการ และประชาชน
2. ปรับแบบสัญญาจัดจ้างก่อสร้างให้เป็นธรรมมากขึ้น และสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติสากล โดยยึดตามแบบสัญญามาตรฐานของ FIDIC (อ่านว่า ฟิดิก ) หรือ สหพันธ์วิศวกรที่ปรึกษานานาชาติ //
3. ปรับกลไกการคำนวณราคากลางงานก่อสร้างให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
4. กำหนดเงื่อนไขการจัดจ้างที่โปร่งใสไม่สร้างต้นโดยไม่จำเป็นและไม่สอดคล้องกับพัฒนาการของอุตสาหกรรม
5. สร้างกลไกในการรับฟังความคิดและข้อเสนอแนะของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ บังคับใช้มานับตั้งแต่กันยายน 2560 โดยถูกใช้ในการจ้างก่อสร้างทั่วประเทศเฉลี่ยปีละ 270,000 โครงการ โดยมีผู้รับเหมาทั่วประเทศอย่างน้อย 2,700 รายร่วมเสนอราคา และยังมีผู้ประกอบการอีกจำนวนมากที่มีความเชื่อมโยงกับการรับเหมาก่อสร้าง
จนถึงวันนี้กฎหมายฉบับนี้ถูกใช้มากว่า 5 ปีแล้ว จึงถึงเวลาที่จะต้องได้รับการประเมินผลการบังคับใช้ ทั้งในแง่ของความโปร่งใส ความเป็นธรรม ความคุ้มค่าและประสิทธิภาพ ตลอดจนการเอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมก่อสร้าง เพื่อให้การปรับปรุงกฎหมายจัดจ้างก่อสร้างภาครัฐ นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจไทย
ข่าวเด่น