DEXON ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. เสนอขายหุ้น IPO 123.18 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ mai ระดมทุนนำเงินพัฒนาขยายธุรกิจ พร้อมวางเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้านการตรวจสอบเฉพาะทางขั้นสูงแก่อุตสาหกรรมชั้นนำระดับนานาชาติแบบครบวงจร และให้บริการอย่างต่อเนื่องไปทุกภูมิภาคของโลกอย่างยั่งยืน พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านอุตสาหกรรมพลังงานไปสู่พลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นางมัลลิกา แก่กล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 123,183,200 หุ้น คิดเป็น 25.85% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท/หุ้น และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
ทั้งนี้ DEXON เป็นผู้ให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรมและสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีสำหรับตรวจสอบโครงสร้างและอุปกรณ์การผลิตในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม พลังงาน และอื่น ๆ ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมด้านพลังงาน ปิโตรเคมี กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง โรงไฟฟ้า และอุตสาหกรรมประเภทอื่น ๆโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ ทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์ และการบริการด้วยมาตรฐานทางเทคโนโลยี เครื่องมือที่ทันสมัยที่บริษัทพัฒนาขึ้นเองและได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงได้รับใบรับรองตามมาตรฐานต่าง ๆ จากหน่วยรับรองระบบระดับสากลหลายสถาบัน
สำหรับรูปแบบการให้บริการตามโครงสร้าง แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย 1. การบริการตรวจสอบโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (Advance Inspection Technology) 2. การบริการตรวจสอบโดยใช้เทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน (Conventional Inspection Technology) 3. การบริการฝึกอบรมด้านการตรวจสอบ (Training Services) และ 4. การให้บริการออกแบบทางด้านวิศวกรรม ประกอบ ติดตั้งและซ่อมบำรุง (Engineering design, Assembly, Installation and Maintenance Service)
นอกจากนี้ DEXON ยังมีเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ เพื่อขยายการให้บริการและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจรได้อย่างครอบคลุม โดยจัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นมา 4 บริษัท ได้แก่ 1. บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี พีทีอี ลิมิเต็ด (DTS) ให้บริการลูกค้าในประเทศสิงคโปร์และประเทศข้างเคียง 2. บริษัท เด็กซ์ซอน เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด (DTC) ให้บริการการฝึกอมรบเพื่อส่งเสริมและยกระดับความรู้ความสามารถแก่บุคลากรทั้งภายในและภายนอกบริษัท 3. บริษัท เด็กซ์ซอน เมคคานิคอล โซลูชั่นส์ จำกัด (DMS) ให้บริการงานออกแบบทางวิศวกรรม งานประกอบ งานโครงสร้าง รวมทั้งงานให้บริการบุคลากรทางด้านเครื่องกลและซ่อมบำรุง ทั้งในส่วนงานท่อและโครงสร้าง ในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ปิโตรเคมี และ 4. บริษัท ดาคอน ยุโรป บีวี (DEBV) จัดตั้งในเนเธอร์แลนด์ เพื่อให้การดำเนินงานครอบคลุมลูกค้าในทวีปยุโรป และอเมริกา
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เพื่อใช้ขยายธุรกิจไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์ (ทวีปยุโรป) รวมถึงสหรัฐอเมริกา โดยจะเน้นให้บริการการตรวจสอบท่อโดยเทคโนโลยีขั้นสูง (Smart Pigging Technology) ที่มีคู่แข่งน้อยราย โดยเฉพาะการตรวจสอบรอยแตกขนาดเล็กในระบบท่อส่งที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษที่มีเทคโนโลยีสูงที่บริษัทพัฒนาขึ้น (Hawk Pipeline Crack detection and measurement system) , ลงทุนในงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม เช่น การเปลี่ยนไปสู่พลังงานสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การตรวจสอบระบบท่อส่ง เพื่อรองรับการแปลงไปสู่การใช้งานของก๊าซไฮโดรเจน (Hydrogen Energy Conversion) ที่จะมีการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ในระบบท่อส่งจากเดิมเป็นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เป็นการขนส่งก๊าซไฮโดรเจน และการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก , ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเหลือใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ นับเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทและสร้างโอกาสการได้เปรียบทางการแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2562-2564 บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและบริการ 574.54 ล้านบาท 438.98 ล้านบาท และ 433.47 ล้านบาท ตามลำดับ รวมถึงกำไรสุทธิ 41.52 ล้านบาท 11.04 ล้านบาท และ 18.15 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งรายได้ที่ลดลงเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสCOVID-19 และการล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยและต่างประเทศ ขณะที่รายได้จากการขายและบริการงวด 6 เดือน ปี 2565 เท่ากับ 259.89 ล้านบาท เติบโต 50.47% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และกำไรสุทธิ 41.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.35 ล้านบาท เติบโต 272.34% จากงวดเดียวกันในปี 2564 โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่เผชิญวิกฤตCOVID-19 มาตั้งแต่ปี 2563
“การเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจบริษัทให้แข็งแกร่ง เพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคงในอนาคต ทั้งนี้ DEXON มีเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้านการตรวจสอบเฉพาะทางขั้นสูงแก่อุตสาหกรรมชั้นนำระดับนานาชาติแบบครบวงจร และให้บริการอย่างต่อเนื่องไปทุกภูมิภาคของโลกอย่างยั่งยืน” นางมัลลิกา กล่าว
ข่าวเด่น