ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง บมจ.ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ หรือ UBA ผู้ประกอบธุรกิจด้านการให้บริการจัดการน้ำ เดินระบบ และบำรุงรักษาแบบครบวงจร จ่อขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 170 ล้านหุ้น เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปีนี้ ระดมทุนรองรับการลงทุน และการขยายธุรกิจ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งของธุรกิจ
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ จำกัด (มหาชน ) หรือ UBA เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนของ UBA เป็นที่เรียบร้อย
โดย UBA ได้ยื่นเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering หรือ IPO) จำนวน 170,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 28.33 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจ กลุ่มบริการ
ทั้งนี้ UBA ประกอบธุรกิจในการให้บริการจัดการน้ำ เดินระบบ และบำรุงรักษาแบบครบวงจร (Integrated Operation and Maintenance หรือ “IOM”) พร้อมทั้งการบริการให้คำปรึกษา ออกแบบ ก่อสร้าง และติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์ต่างๆ ตามความต้องการของลูกค้า โดยครอบคลุมการให้บริการใน 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ งานระบบบำบัดน้ำเสีย อุโมงค์ระบายน้ำ และระบบน้ำประปา อีกทั้งปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการจัดการน้ำเสียเอกชนรายใหญ่ที่สุดของกรุงเทพมหานคร (อ้างอิงตามรายงานประจำปี สำนักงานจัดการคุณภาพน้ำ ปี 2563) และเป็นบริษัทเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญในงานบริหารจัดการเดินระบบ และบำรุงรักษาอุโมงค์ระบายน้ำให้กับกรุงเทพมหานคร โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ดำเนินการโครงการให้กับกรุงเทพมหานครมาต่อเนื่องแล้ว จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,000 ล้านบาท และปัจจุบันบริษัทฯ มีงานอยู่ระหว่างการดำเนินการ (Backlog) ณ ไตรมาส 2 ปี 2565 มูลค่ารวมกว่า 1,616 ล้านบาท
นายสมชาติ สังหิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ จำกัด (มหาชน) (UBA) เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนโครงการในอนาคต รวมถึงมีเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน อีกทั้งการระดมทุนในครั้งนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดความสำเร็จของ UBA อีกด้วย
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการเป็นผู้ให้บริการจัดการเดินระบบและบำรุงรักษาอย่างครบวงจรที่มีลูกค้าเป็นกรุงเทพมหานคร บริษัทยังมีโอกาสขยายงานเพิ่มเติมสู่โครงการอุโมงค์ระบายน้ำและโครงการระบบบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีแผนขยายการลงทุนต่อเนื่องถึงปี 2580
สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อลงทุนพัฒนาระบบสารสนเทศ (Information System) วิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสินค้าและบริการใหม่ ซื้อและปรับปรุงเครื่องจักร ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจในอนาคต นายสมชาติกล่าว
ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2562 – 2564 มีรายได้รวมจำนวน 432.40 ล้านบาท 532.69 ล้านบาท 533.59 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิจำนวน 18.30 ล้านบาท 43.43 ล้านบาท 52.35 ล้านบาท คิดเป็นเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 4.23 ร้อยละ 8.15 ร้อยละ 9.81 และงวด 6 เดือนแรกปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 327.18 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 30.83 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 9.42
ปัจจัยที่สนับสนุนให้รายได้ที่เพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ด้วยบริษัทได้รับงานสัญญาของกรุงเทพมหานครในงานโครงการบริหารจัดการน้ำ เดินระบบและบำรุงรักษาแบบครบวงจร (IOM) ในโครงการโรงบำบัดน้ำเสีย 2 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการเดินระบบ บำรุงรักษา และบริหารจัดการโรงควบคุมคุณภาพน้ำหนองแขม-ทุ่งครุ ระยะที่ 4 ในปี 2563 2) โครงการเดินระบบ บำรุงรักษา และบริหารจัดการ โรงควบคุมคุณภาพดินแดง ระยะที่ 4 ในปี 2564 และโครงการอุโมงค์ระบายน้ำ 1 โครงการ ในปี 2564 ได้แก่ โครงการเดินระบบ บำรุงรักษา และบริหารจัดการอุโมงค์ระบายน้ำจากบึงมักกะสันสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ระยะที่ 3 ประกอบกับบริษัทฯ ได้มุ่งเน้นขยายงานใหม่ไปยังกลุ่มลูกค้าอื่นๆ รวมถึงกลุ่มลูกค้าเอกชนในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายและลดการพึ่งพิงลูกค้ารายใดรายหนึ่ง บริษัทยังมุ่งมั่นขยายงานด้านการให้บริการงานด้านวิศวกรรมและจัดหาอุปกรณ์ เพื่อให้บริษัทฯ มีการบริการที่ครบวงจร และเพิ่มโอกาสขยายงานด้าน IOM ของบริษัทมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีกำไรสุทธิสูงขึ้น เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นประกอบกับบริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข่าวเด่น