SET ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยหนุน fund flow ที่ไหลกลับเข้ามา โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1632 และ 1650 จุด ตามลำดับ ส่วนในระยะสั้น ยังต้องระวังการพักตัวเพื่อลดความร้อนแรง ดังนั้นใช้จุดติดตามที่แนวรับ 1618 และ 1608 จุด หากต่ำกว่าเริ่มเป็นลบต่อการพักตัว ประเด็นสำคัญ คืนนี้ติดตามผลประชุมเฟด
ประเด็นสำคัญ
มีกระแสข่าวว่าจีนเตรียมตั้ง คกก. พิจารณาการเปิดประเทศ มีเป้าหมายที่จะผ่อนคลายกฎระเบียบในการควบคุมโควิด-19 ใน มี.ค. 2566
ดัชนี ISM PMI ภาคการผลิต ต.ค. สหรัฐ ต่ำสุดในรอบ 2 ปี
มาเก๊าตรวจหาเชื้อโควิด ปชช. ทั้งเกาะกว่า 7 แสนคน หลังพบผู้ติดเชื้อครั้งแรกในรอบกว่า 3 เดือน
ครม.เห็นชอบโครงการสินเชื่อแก้หนี้เพิ่มทุน วงเงิน 600 ลบ. ผ่าน ธ.ออมสิน ช่วยเหลือคนมีรายได้ประจำ พ่อค้าแม่ค้า หาบเร่แผงลอย อาชีพอิสระ
ททท.ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยปี 2566 กรณีดีสุดที่ 30 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1 ล้านลบ. โดยคาดหมาย นทท. จากจีนเป็นกลุ่มหลัก
กรมธุรกิจพลังงานระบุยอดใช้น้ำมัน 9M65 เพิ่มขึ้น 15.5%YoY หนุนจากการเปิดประเทศหลังโควิดคลี่คลาย ด้านปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะระหว่างประเทศ 9M65 เติบโต 151%YoY
รัฐบาลอาจเปลี่ยนเกณฑ์กรณี นลท.ต่างชาติถือครองที่ดิน 1 ไร่ แลกกับการลงทุน 40 ลบ.เป็นการเช่าระยะยาวแทน
อินโดนีเซียเตรียมตั้งกลุ่มพันธมิตรคล้าย OPEC ควบคุมวัตถุดิบ (นิกเกิล โคบอลต์ และแมงกานีส) สำหรับผลิตแบตเตอรี่ EV
กลยุทธ์การลงทุน
แม้เราเชื่อว่าช่วงที่ผ่านมาตลาดรับรู้ความเสี่ยงต่างๆ ไปในระดับหนึ่งแล้ว แต่ช่วงสั้นอารมณ์ตลาดคาดยังอยู่ในลักษณะของการเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q65 ของบริษัทจดทะเบียน และสัปดาห์นี้คงจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ FED และ BoE รวมทั้งตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำเป็น Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นแนะนำ Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ซึ่งคาดต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ ดังนี้
1) หุ้น Earnings Play ซึ่งคาด 3Q65 กำไรจะออกมาเติบโตแข็งแกร่ง YoY เลือก CRC CPALL BDMS LH
2) หุ้นที่ราคาปรับลงแรง และ Valuation ไม่แพง (PBV ต่ำกว่า -1SD.) สวนทางพื้นฐานที่ยังมีศักยภาพเติบโตได้ เลือก MTC GPSC BGRIM SCGP
3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์ ถ้าหากเฟดกลับมาส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน ซึ่งทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าและเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง เลือก PTT BBL AOT
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นเดินเรือ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
2) หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นและผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีของโลกออกมาต่ำกว่าคาด
3) หุ้นโรงกลั่นและปิโตรเคมี หลังคาดงบ 3Q65 อาจได้รับผลกระทบค่าการกลั่น/ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง และขาดทุนสต็อก
Daily focus
MTC หุ้นเด่นกลุ่มเงินทุน โดย 3Q65 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น 16%YoY สู่ 1.39 พันลบ. จากการเติบโตของสินเชื่อแข็งแกร่งมาก ผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อทำจุดต่ำสุดไปแล้ว อีกทั้ง valuation น่าสนใจที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมากกว่า 2SD
CPALL 3Q65 คาดกำไรสุทธิที่ 3.4 พันลบ. เพิ่มขึ้น 128%YoY และ 13%QoQ เนื่องจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) ที่ฟื้นตัวดีขึ้นจะมากเกินพอชดเชยส่วนแบ่งกำไรจาก MAKRO ที่ลดลงเล็กน้อยหลังจากเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้น
ข่าวเด่น