คาด SET มีแนวโน้มอ่อนตัว โดยมีปัจจัยกดดันเรื่องความไม่แน่นอนในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หลังมติคณะกรรมการเฟด ส่งสัญญาณชะลอตัวขึ้นดอกเบี้ย แต่ถ้อยแถลงของ Powell กลับชี้ถึงจำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อ ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1616 และ 1607 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนมองถูกจำกัดที่แนวต้าน 1632 จุด
ประเด็นสำคัญ
Fed มีมติขึ้น ด.บ. 0.75% ตามคาด แต่ระบุจะพิจารณาถึงผลกระทบต่อ ศก. มากขึ้น ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้น ด.บ. ในอัตราที่ต่ำลงในการประชุม ธ.ค. ขณะที่ ปธ. Fed แถลงว่ายังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการยุติการขึ้น ด.บ.
รัสเซียประกาศร่วมมือส่งออกธัญพืชยูเครนอีกครั้งหลังถอนตัวก่อนหน้านี้ เราคาดตลาดจะคลายกังวลปัญหาอุปทานอาหารโลกตึงตัว และจะทำให้ราคาสินค้าเกษตร ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลือง กลับมาปรับตัวลง เป็น sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มอาหารที่มีสินค้าเกษตรเป็นต้นทุนการผลิต อาทิ CPF GFPT SNNP TFMAMA แต่จะเป็น sentiment ลบต่อหุ้นที่เคยเก็งกำไรจากการปรับขึ้นของราคาสินค้าเกษตรก่อนหน้านี้ อาทิ TWPC TVO TMILL
สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ
รมว. ท่องเที่ยวฯ จะเสนอนายกฯ หารือร่วมกับ ปธน. จีน ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมเอเปกในเดือนนี้ ให้ปลดล็อกนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยได้
กกร. คงประมาณการ GDP ไทยปีนี้ที่ 3.0-3.5% ส่วนปีหน้ากังวล ศก. โลกถดถอยฉุด
ส่งออกลดลงเหลือ 1% ขณะที่ ธปท. ประเมินเงินเฟ้อไทยผ่านจุดสูงสุดแล้ว คาด GDP
ปีหน้าโต 3.8% หาก นทท. เข้าไทย 21 ล้านคน แต่มีความเสี่ยงต่ำกว่าคาดเช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน
แม้เราเชื่อว่าช่วงที่ผ่านมาตลาดรับรู้ความเสี่ยงต่างๆ ไปในระดับหนึ่งแล้ว แต่ช่วงสั้นอารมณ์ตลาดคาดยังอยู่ในลักษณะของการเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q65 ของบริษัทจดทะเบียน และสัปดาห์นี้คงจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ FED และ BoE รวมทั้งตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำเป็น Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นแนะนำ Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ซึ่งคาดต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ ดังนี้
1) หุ้น Earnings Play ซึ่งคาด 3Q65 กำไรจะออกมาเติบโตแข็งแกร่ง YoY เลือก CRC CPALL BDMS LH
2) หุ้นที่ราคาปรับลงแรง และ Valuation ไม่แพง (PBV ต่ำกว่า -1SD.) สวนทางพื้นฐานที่ยังมีศักยภาพเติบโตได้ เลือก MTC GPSC BGRIM SCGP
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นเดินเรือ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
2) หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นและผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีของโลกออกมาต่ำกว่าคาด
3) หุ้นโรงกลั่นและปิโตรเคมี หลังคาดงบ 3Q65 อาจได้รับผลกระทบค่าการกลั่น/ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง และขาดทุนสต็อก
Daily focus
HMPRO 4Q65 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 65 โดยคาดกำไรจะเติบโต YoY แรงหนุนจากยอดขายสาขาเดิมที่เติบโตดีขึ้น มาร์จิ้นที่กว้างขึ้นจากการมีสัดส่วนยอดขายที่ดีขึ้น และรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้น หนุนปี 65 คาดกำไรโต 17%YoY
AOT 4QFY65 (ก.ค.-ก.ย. 65) คาดขาดทุนปกติลดลงทั้ง YoY และ QoQ ตามการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวไทยหลัง 1 ก.ค. รัฐยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้ว ขณะที่ปี FY66 คาดพลิกมีกำไรจากการฟื้นตัวของตลาดต่างชาติและโครงการพื้นที่เชิงพาณิชย์ใหม่
ข่าวเด่น