เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น บริษัทด้านโภชนาการชั้นนำของโลก เปิดเผยผลสำรวจในหัวข้อการสำรวจพฤติกรรมส่วนบุคคลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเผยว่า 8 ใน 10 ของผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต้องการเลิกพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำร้ายสุขภาพที่พวกเขาสร้างขึ้นในระหว่างการระบาดของโรคครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล (53%) ไม่ออกกำลังกายเป็นประจำ (53%) และการนอนพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ (52%) เป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายสุขภาพสามอันดับแรกที่พวกเขาวางแผนจะเลิกในอีก 12 เดือนข้างหน้า
การสำรวจยังเผยให้เห็นว่าระดับความแข็งแรงหรือสมรรถภาพของร่างกายที่แย่ลง น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น และระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง เป็นผลกระทบด้านลบที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพที่นำมาใช้ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ในบรรดาผู้ที่รายงานว่าน้ำหนักเกิน โดยมากกว่าครึ่ง (51%) มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 3 ถึง 5 กิโลกรัม ในขณะที่ 21% มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 6 ถึง 10 กิโลกรัม ส่วนใหญ่เกิดจาก:
การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพมากเกินไป (53%)
การกินมากเกินไปเนื่องจากความเครียด (53%)
นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ (29%)
ดื่มแอลกอฮอล์บ่อยขึ้น (13%)
"พฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพเหล่านี้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง แต่นิสัยสามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยอาศัยความมุ่งมั่น แรงจูงใจ และการสนับสนุนจากผู้ที่มีความคิดเหมือนกัน แม้เพียงเล็กน้อยแต่ก็เป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพให้มีสุขภาพดีขึ้นได้" สตีเฟน คอนชี ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและจีนของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น กล่าว
"เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในเชิงบวก เรากำลังเปิดตัวโครงการใหม่ระดับภูมิภาคโดยมุ่งเน้นที่การช่วยปลูกฝังเรื่องโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพและนิสัยในการออกกำลังกาย ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนชุมชนให้บรรลุเป้าหมาย เช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้เราจัดงาน Healthy Recipe Challenge เพื่อสนับสนุนการสร้างนิสัยการรับประทานอาหารที่ดี และในเดือนนี้ เราจัดงานวิ่งเสมือนจริง หรือ Virtual Run ประจำปีใน 13 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อช่วยให้ผู้คนได้เคลื่อนไหวมีไลฟ์สไตล์ที่กระฉับกระเฉง"
การสำรวจพฤติกรรมส่วนตัวประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น นั้น จัดทำและดำเนินการในเดือนสิงหาคม 2565 โดยสำรวจผู้บริโภคจำนวน 5,500 คนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปในประเทศออสเตรเลีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตั้งแต่เริ่มมีการระบาดใหญ่ และพฤติกรรมที่ไม่ดีทำร้ายสุขภาพที่พวกเขาวางแผนที่จะเลิกในอีก 12 เดือนข้างหน้า
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิต
อาหาร/โภชนาการ: โดยภาพรวมแล้ว ผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 7 ใน 10 คน (69%) มีพฤติกรรมการบริโภคอาหาร/โภชนาการที่ไม่ดีต่อสุขภาพในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ โดยการรับประทานของว่างอย่างต่อเนื่องถือเป็นพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่ดี ซึ่งการสำรวจยังเปิดเผยว่ากลุ่ม Gen Z และ Millennial มีแนวโน้มที่จะมีนิสัยการบริโภคอาหาร/โภชนาการที่ไม่ดีต่อสุขภาพมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคนรุ่นเก่า เช่น Gen X และ boomers (79% และ 59% ตามลำดับ)
การออกกำลังกาย: กิจกรรมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากผู้ตอบแบบสอบถามประมาณ 1 ใน 3 (33%) ออกกำลังกายมากขึ้น ในขณะที่เกือบครึ่งหนึ่ง (46%) ยอมรับว่าพวกเขาหยุดออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวน้อยลง โดยคนกลุ่มหลังนี้หลายคนอ้างว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการขาดแรงจูงใจ เนื่องจากพวกเขาหมกมุ่นอยู่กับความวิตกกังวลที่เกิดจากการระบาดใหญ่
การนอนหลับ: โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่ง (56%) กล่าวว่าการนอนหลับของพวกเขาได้รับผลกระทบ เช่น มีรูปแบบการนอนที่ผิดปกติไปจากเดิมหรือมีปัญหาในการนอนหลับ โดยอ้างว่าความเครียดเป็นสาเหตุหลัก ซึ่งเมื่อเทียบกับคนรุ่นเก่าแล้ว กลุ่ม Gen Z และ Millennials จำนวนมากมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการนอนในทางลบมากกว่า
การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเชิงบวกในอีก 12 เดือนข้างหน้า
ด้วยผลกระทบของพฤติกรรมที่ทำร้ายสุขภาพที่ผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรู้สึกได้อย่างชัดเจน จึงไม่น่าแปลกใจที่ 8 ใน 10 คนตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในเชิงบวกในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยมุ่งเน้นที่การปรับปรุงทั้งสุขภาพกายและจิตใจ โดยพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพที่พวกเขาวางแผนที่จะนำมาใช้ ได้แก่:
มีความกระตือรือร้นมากขึ้น (58%)
รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพิ่มมากขึ้น (56%)
พัฒนาระบบการออกกำลังกาย (53%)
เริ่มกำหนดเวลานอนปกติ (49%)
หาวิธีคลายเครียด (46%)
รับประทานอาหารเสริม (29%)
ความสำคัญของกลุ่มคนที่ช่วยสนับสนุนการสร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ
เพื่อสร้างนิสัยที่ดี ผู้ตอบแบบสอบถามตระหนักถึงความจำเป็นของการรวมกลุ่มสนับสนุนในการบรรลุเป้าหมาย ซึ่งกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดคือกลุ่ม Gen Z/Millennials โดย 60% รู้สึกว่าการรวมกลุ่มสนับสนุนจะมีความสำคัญอย่างยิ่งหรือสำคัญมากในการช่วยให้พวกเขาบรรลุการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในเชิงบวก โดยทั่วไปผู้ตอบแบบสอบถามเห็นพ้องว่าการรวมกลุ่มสนับสนุนกันจะช่วยให้พวกเขาสามารถ:
แบ่งปันความรู้และความเชี่ยวชาญ (58%)
ทำงานตามเป้าหมายและข้อกังวลร่วมกัน (56%)
รับผิดชอบและมีแรงจูงใจซึ่งกันและกัน (54%)
กิจกรรมวิ่งเสมือนจริง Virtual Run 2022 ของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น
Virtual Run 2022 ของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น 2022 เป็นกิจกรรมไฮไลท์ของแคมเปญ Get Moving with Good Nutrition ของบริษัท ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มประจำปีเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่กระฉับกระเฉง และส่งเสริมชุมชนให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
กิจกรรมวิ่งเสมือนจริง Virtual Run 2022 จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ในประเทศออสเตรเลีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเก๊า มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 30 พฤศจิกายน 2565 ด้วยการเปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ล่าสุด การแข่งขันวิ่งเสมือนจริงประจำปีนี้จะมีการโต้ตอบกันมากขึ้น พร้อมการติดตามความคืบหน้าที่ราบรื่นยิ่งขึ้น ซึ่งกิจกรรมวิ่งเสมือนจริง Virtual Run จะมีส่วนช่วยในการระดมทุนเพื่อสนับสนุนมูลนิธิเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ในการจัดหาและส่งเสริมโภชนาการที่ดีให้แก่เด็กที่ขาดแคลนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผ่านโครงการหลักอย่าง คาซ่า เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น
ข่าวเด่น