บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (“WHAUP”) โชว์ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2565 มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติ 2,136 ล้านบาท และกำไรปกติ 424 ล้านบาท รับยอดการใช้น้ำพุ่ง ด้าน CEO “สมเกียรติ เมสันธสุวรรณ” เดินหน้าขยายพอร์ตการลงทุนต่อเนื่อง ผลักดันยอดเซ็นสัญญาในพอร์ตโซลาร์ให้ได้ตามเป้า พร้อมประกาศศักยภาพคว้ารางวัล Best Innovative Company Awards จากเวที SET AWARDS 2022 และรางวัลหุ้นยั่งยืน 3 ปีซ้อน ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาลอัตราหุ้นละ 0.060 บาทต่อหุ้น พร้อมจ่าย 7 ธันวาคมนี้
บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (“WHAUP”) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2565 ว่า บริษัทฯ รับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติ จำนวน 691 ล้านบาท และมีกำไรปกติ (Normalized Net Profit) 90 ล้านบาท ลดลง 9% และ 67% ตามลำดับจากไตรมาส 3/2564 โดยรายได้จากธุรกิจจำหน่ายน้ำและไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยังคงแข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทฯ ได้รับปัจจัยลบจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้า SPP ที่บริษัทฯ ร่วมลงทุนลดลงเนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้น ในขณะที่ในส่วนของกำไรสุทธิ ในไตรมาส 3/2565 มีจำนวน 26 ล้านบาท ลดลง 87% จากไตรมาส 3/2564 เนื่องจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติ จำนวน 2,136 ล้านบาท ลดลง 8% และมีกำไรปกติ จำนวน 424 ล้านบาท ลดลง 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้า SPP เช่นเดียวกัน ในขณะที่มีกำไรสุทธิจำนวน 309 ล้านบาท ลดลง 47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน
นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (“WHAUP”) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภค ในไตรมาส 3/2565 บริษัทฯ มีปริมาณการจำหน่ายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมกันเท่ากับ 37 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาส 3/2564 ในขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปี 2565 มียอดจำหน่ายน้ำและบริหารน้ำรวมทั้งในประเทศและต่างประเทศเท่ากับ 112 ล้านลูกบาศก์เมตร เติบโต 9% เนื่องจากความต้องการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value added product) ไม่ว่าจะเป็นน้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) และน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) ก็ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน ทั้งนี้ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาโครงการผลิตน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูงให้แก่ Gulf TS3&4 กำลังการผลิต 1.4 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ได้เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่โครงการซื้อขายน้ำปราศจากแร่ธาตุ กับ บริษัท พูแรค (ประเทศไทย) จำกัด ที่มีกำลังการผลิตกว่า 790,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ได้เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ขณะที่ธุรกิจน้ำในประเทศเวียดนามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3/2565 มียอดจำหน่ายน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ 8 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นถึง 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 มียอดจำหน่ายน้ำรวมเท่ากับ 21 ล้านลูกบาศก์เมตร เติบโต 26% โดยมีปัจจัยหลักจากปริมาณการจำหน่ายน้ำโครงการ Duong River ที่เพิ่มขึ้น
ด้านธุรกิจพลังงาน บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าในไตรมาส 3/2565 จำนวน 115 ล้านบาท ลดลง 55% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2564 อันเป็นผลมาจากต้นทุนเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติในธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ค่า Ft เพิ่งได้รับการปรับขึ้นเป็น 93.4 สตางค์ต่อหน่วยในเดือนกันยายน และยังไม่สะท้อนการเพิ่มของต้นทุนดังกล่าวทั้งหมด ทำให้ margin จากการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง ส่งผลให้สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 นั้น บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าจำนวน 405 ล้านบาท ลดลง 42% อย่างไรก็ตามในไตรมาส 4 จะเริ่มรับรู้การปรับค่า Ft ใหม่เต็มทั้งไตรมาส ซึ่งคาดว่าจะส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจ SPP ดังกล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานของธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ รับรู้รายได้เท่ากับ 75 ล้านบาท และ 178 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งถ้านับเฉพาะรายได้จากธุรกิจ Private PPA ใน 9 เดือนแรกของปี 2565 มีการเติบโตถึง 46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2565 บริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่เปิดดำเนินการแล้วประมาณ 70 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์สะสมรวมแล้วทั้งสิ้น 131 เมกะวัตต์ จากเป้าที่ตั้งไว้ที่ 150 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปี 2565
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “WHAUP” กล่าวย้ำถึงภาพรวมการขยายธุรกิจว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และด้วยศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ โดยเฉพาะการนำนวัตกรรมใหม่ๆมาใช้ในการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม ส่งผลให้บริษัทฯ คว้ารางวัลในกลุ่ม Business Excellence ประเภทรางวัล Best Innovative Company Awards ประจำปี 2565 ภายในงาน SET Awards 2022 ด้านนวัตกรรม :Peer-to-Peer Energy Trading: Future of Energy Market: ระบบโครงข่ายซื้อขายไฟฟ้าในพื้นที่อุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการเสริมสร้างนวัตกรรม สอดรับกับแผนขับเคลื่อนองค์กรการเติบโตแบบอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยนับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่บริษัทฯ ได้รับรางวัลด้าน Innovative Company Awards จากงาน SET Awards โดยในปีที่แล้ว บริษัทฯ ได้รับรางวัล Outstanding ด้านนวัตกรรมจากโครงการ Demineralized Reclaimed Water
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการรับเลือกเป็น ‘หุ้นยั่งยืน’ ประจำปี 2565 หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) 2022 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน รวมถึงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ พัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคงต่อเนื่อง พร้อมรับมือกับปัจจัยการเปลี่ยนแปลงด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ภายใต้การบริหารงานตามหลักบรรษัทภิบาล (Environment, Social and Governance : ESG)
ด้วยผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินที่ยังคงแข็งแกร่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.060 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 และกำหนดการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 7 ธันวาคม 2565 ตามลำดับ
ข่าวเด่น