คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1610-1630 จุด โดยในช่วงนี้ ดัชนีเริ่มยืนบริเวณแนวรับ 1610 จุดได้ อย่างไรก็ตาม มองกรอบบนยังถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1625-1630 จุด เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ ขณะที่ยังเผชิญแรงขายทำกำไร หลังจบช่วงรายงานผลการดำเนินงาน
ประเด็นสำคัญ
WSJ ระบุซาอุดิอาระเบียและสมาชิก OPEC จะหารือปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 5 แสนบาร์เรล/วัน ในการประชุม OPEC+ 4 ธ.ค. แต่ภายหลังทางซาอุดิอาระเบียได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว
ทางการกรุงปักกิ่ง เตรียมบังคับใช้มาตรการล็อคดาวน์ในหลายพื้นที่ หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 27,095 คน และเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 คน
ททท. ระบุจำนวน นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทย 1 ม.ค.-20 พ.ย. ที่ 8.82 ล้านคน เฉลี่ย 6 หมื่นคน/วัน จึงมีโอกาสถึง 10 ล้านคนก่อน 10 ธ.ค.นี้
สภาพัฒน์คาด GDP ปีนี้ที่ 3.2% จากเดิม 2.7-3.2% หลัง GDP 3Q65 ขยายตัว 4.5%YoY ส่วนปีหน้าคาด GDP ไว้ที่ช่วง 3-4% ขณะที่คาดปริมาณการค้าโลกลดลง กดดันส่งออกโตเพียง 1%
สรรพสามิตเตรียมเก็บภาษีปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกินเกณฑ์กับ โรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า ภาคขนส่ง ภาคครัวเรือน คาดเริ่มปีหน้า
ธปท. ระบุลูกหนี้เข้าสู่มาตรการช่วยเหลือของ ธปท. เพิ่มเป็นกว่า 3 ล้านลบ. สะท้อนกลุ่มเปราะบางได้รับผลกระทบจากต้นทุนการเงิน เงินเฟ้อ และดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวแคบและมีโอกาสพักตัว หลังตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ๆ มาหนุนบรรยากาศการลงทุน ทั้งนี้ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ อาทิ GDP 3Q65 ของไทยและรายงานการประชุม FOMC ที่ตลาดมองหาสัญญาณการเปลี่ยนท่าทีการทำนโยบายการเงิน ดังนั้นกลยุทธลงทุนจึงแนะนำเป็น “Selective Buy” โดยเน้นรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมองตลาดยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ จึงแนะนำ Selective Buy โดยเน้นรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นที่คาดโมเมนตัมกำไร 4Q65 เติบโตแข็งแกร่ง YoY และ QoQ เลือก BBL GULF MAKRO CRC SPALI AOT
2) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จีนมีแนวโน้มเปิดประเทศมากขึ้น ซึ่งคาดหนุนท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เลือก MINT ERW / SCGP IVL
3) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากเทศกาลฟุตบอลโลก (20 พ.ย.-18 ธ.ค. 65) ซึ่งคาดกระตุ้นบรรยากาศการบริโภคในช่วงเชียร์บอล เลือก CPALL CENTEL MINT
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นที่คาดถูกนำออก SET50 ซึ่งจะประกาศ 16 ธ.ค. 65 และมีผลบังคับใช้ใน 1H66 อาทิ BLA IRPC KCE SAWAD (SET100 ที่คาดถูกนำออก MAJOR STEC SUPER SYNEX TASCO TTA)
2) หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่าและผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีของโลกมีแนวโน้มอ่อนแอต่อใน 4Q65
3) หุ้นเดินเรือ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
Daily focus
AOT 1Q-2QFY66 คาดขาดทุนปกติลดลง YoY และ QoQ จากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และจากนั้นจะพลิกกลับมามีกำไรใน 3QFY66 หลังจากมาตรการช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์สิ้นสุดลงในวันที่ 31 มี.ค. 66
GULF 4Q65 คาดผลประกอบการจะได้แรงหนุนจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC เพิ่มอีกหนึ่งหน่วย (662.5MW) ส่วนปี 66 คาดกำไรยังเติบโตดี 30%YoY จากกำลังผลิตใหม่ของโรงไฟฟ้า IPP โรงไฟฟ้าแห่งใหม่ในโอมาน และส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH
ข่าวเด่น