คาด SET ปรับตัวขึ้นได้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานประชุมเฟด ซึ่งบ่งชี้ถึงสัญญาณการชะลอการขึ้นดอกเบี้ย สร้าง Sentiment บวกต่อการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์เสี่ยง ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1630 และจุดสูงเดิมบริเวณ 1640 จุด ส่วนกรอบล่างที่คาดยังเป็นจุดรองรับได้อยู่ที่ 1610-1620 จุด
ประเด็นสำคัญ
รายงานการประชุม Fed ส่งสัญญาณการขึ้น ด.บ. แบบชะลอตัวลง โดย คกก. ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าควรลดอัตราเร่งในการปรับขึ้น ด.บ. โดยพิจารณาถึงนโยบายการเงินที่มีผลกระทบต่อ ศก.
กลุ่ม G7 รวมทั้ง EU และออสเตรเลียมีมติกำหนดบังคับใช้เพดานราคาน้ำมันรัสเซียในกรอบ 65-70 เหรียญ/บาร์เรล มีผล 5 ธ.ค. ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงแรงกว่า 3.7%
OECD คาดการณ์เศรษฐกิจโลกขยายตัวเพียง 2.2% ในปีหน้า จากปีนี้ที่คาดโต 3.1% ผลจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างทั่วถึง ผลักดันให้เกิดภาวะขาขึ้นของ ด.บ.
Reuters รายงานว่าธนาคาร-บริษัทชั้นนำของโลกหลายแห่ง เช่น Credit Suisse, Deutsche Bank, Unicredit, HP Inc., Twitter, Meta Inc., Amazon เลิกจ้างพนักงานกว่าแสนคนเพื่อลดต้นทุนดำเนินงานช่วงขาลงธุรกิจ
บอร์ด BOI-บอร์ด EEC-กนอ. หารือ 6 องค์กรภาครัฐ-เอกชนของญี่ปุ่น นำเสนอมาตรการส่งเสริมชุดใหม่รองรับการลงทุนจากญี่ปุ่น
กฟน. หารือร่วมกับสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยส่งเสริมการใช้ EV โดยให้บริการติดตั้งระบบไฟฟ้ารองรับ EV Home Charger
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวแคบและมีโอกาสพักตัว หลังตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ๆ มาหนุนบรรยากาศการลงทุน ทั้งนี้ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ อาทิ GDP 3Q65 ของไทยและรายงานการประชุม FOMC ที่ตลาดมองหาสัญญาณการเปลี่ยนท่าทีการทำนโยบายการเงิน ดังนั้นกลยุทธลงทุนจึงแนะนำเป็น “Selective Buy” โดยเน้นรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมองตลาดยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ จึงแนะนำ Selective Buy โดยเน้นรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นที่คาดโมเมนตัมกำไร 4Q65 เติบโตแข็งแกร่ง YoY และ QoQ เลือก BBL GULF MAKRO CRC SPALI AOT
2) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จีนมีแนวโน้มเปิดประเทศมากขึ้น ซึ่งคาดหนุนท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เลือก MINT ERW / SCGP IVL
3) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากเทศกาลฟุตบอลโลก (20 พ.ย.-18 ธ.ค. 65) ซึ่งคาดกระตุ้นบรรยากาศการบริโภคในช่วงเชียร์บอล เลือก CPALL CENTEL MINT
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นที่คาดถูกนำออก SET50 ซึ่งจะประกาศ 16 ธ.ค. 65 และมีผลบังคับใช้ใน 1H66 อาทิ BLA IRPC KCE SAWAD (SET100 ที่คาดถูกนำออก MAJOR STEC SUPER SYNEX TASCO TTA)
2) หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่าและผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีของโลกมีแนวโน้มอ่อนแอต่อใน 4Q65
3) หุ้นเดินเรือ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
Daily focus
CPALL คาดกำไรจะเติบโต YoY แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ใน 4Q65 และปี 2566 โดยได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น World Cup และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย
GPSC มองกำไรจากการดำเนินงานใน 4Q65 จะยังคงรักษาโมเมนตัมขาขึ้นเอาไว้ได้ ขณะที่ปี 66 แนวโน้มผลประกอบการจะเป็นบวกมากขึ้นแรงหนุนจากค่า Ft เฉลี่ยที่สูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนเชื้อเพลิงมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
ข่าวเด่น