เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ชอปปิงกองทุน SSF ให้เต็มสิทธิลดหย่อนภาษี


 
เมื่อถึงช่วงปลายปี หลายคนวางแผนเดินทางท่องเที่ยว สนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆ ทั้งคริสมาสต์ และเตรียมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เช่นเดียวกับห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่าง ๆ ก็จัดโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม

ฉัตรี ชุติสุนทรากุล CFP® นักวางแผนการเงิน สมาคมนักวางแผนการเงินไทย บอกว่า ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลกระทบต่อเงินในกระเป๋า จึงกลายเป็นช่วงที่ต้องรัดกุมกับการวางแผนการเงิน และทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การลงทุนกองทุนรวม SSF (Super Saving Fund) ที่ได้รับประโยชน์ทั้งการเก็บออมและลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
 
สิทธิการซื้อกองทุน SSF เพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

• ซื้อได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้และไม่เกิน 200,000 บาทและต้องไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ เช่น กองทุน RMF / กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ / กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน / กองทุนการออมแห่งชาติ และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ
 
• ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องกันทุกปี และไม่กำหนดจำนวนขั้นตํ่าในการซื้อต่อปี
 
• ไม่จำเป็นต้องซื้อกองเดิมทุกปี และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปซื้อกองใหม่ทุกปี
 
เงื่อนไขการถือครองกองทุน SSF เพื่อสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

• ต้องถือครองกองทุน SSF 10 ปีนับจากวันที่ซื้อแบบวันชนวัน จึงจะสามารถขายคืนได้
 
• กองทุน SSF สามารถสับเปลี่ยนได้ กับกองทุนประเภท SSF เหมือนกัน
 
• การสับเปลี่ยนกองทุน ไม่นับเป็นการซื้อใหม่
 
กองทุน SSF เหมาะกับใคร

• ผู้ที่มีเงินได้ และต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี เหมาะกับผู้ที่สนใจการลงทุนในกองทุนรวม และรับความเสี่ยงของหลักทรัพย์ที่กองทุนนำเงินไปลงทุนได้
 
• ผู้ที่จะยังไม่ใช้เงินจำนวนนี้ในระยะเวลา 10 ปี ด้วยระยะเวลาถือครอง 10 ปี กองทุน SSF เหมาะกับผู้ที่สามารถลงทุนระยะยาวได้โดยไม่ขาดสภาพคล่อง
 
• ผู้มีเงินได้ที่ต้องจ่ายภาษี อยู่ในฐานภาษีที่สูง ยิ่งน่าซื้อกองทุน SSF ด้วยเหตุผลว่าในจำนวนเงินลงทุนที่เท่ากัน ผู้ซื้อจะได้สิทธิลดหย่อนภาษี (เงินคืนภาษี) ที่สูงกว่า จึงอาจกล่าวได้ว่าคุ้มกว่า เช่น นาย A มีช่วงเงินได้สุทธิที่ต้องจ่ายภาษี อยู่ในเพดานฐานภาษี 35% หากนาย A ลงทุนในกองทุน SSF 100,000 บาท นาย A จะประหยัดภาษีได้ 35,000 บาท ในขณะที่นาย B มีช่วงเงินได้สุทธิที่ต้องจ่ายภาษี อยู่ในเพดานฐานภาษี 15% หากนาย B ลงทุนในกองทุน SSF 100,000 บาท นาย B จะประหยัดภาษีได้ 15,000 บาท
 
ชอปปิงกองทุน SSF กองไหนดี

หากเปรียบเทียบกับกองทุน LTF ที่กำหนดให้ลงทุนในหุ้นสามัญในประเทศไทยเท่านั้น ขณะที่กองทุน SSF ลงทุนได้ในหลักทรัพย์ทุกประเภท เช่น ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุนรวมผสม เป็นต้น เมื่อมีให้เลือกมากกว่าจึงเกิดคำถามที่ว่า แล้วปีที่ตลาดผันผวนแบบนี้ควรเลือกลงทุน SSF กองไหนดี คำตอบ คือ ไม่มีใครตอบได้ว่ากองทุนไหนจะทำกำไรได้สูงสุดในอนาคต แต่มีคำแนะนำเบื้องต้น ดังนี้

• ลงทุนในกองทุน SSF ที่สามารถรับความเสี่ยงได้ โดยเลือกกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่เราเข้าใจ รวมถึงโอกาสเติบโตและความเสี่ยง เช่น กองทุน SSF ที่ลงทุนในตราสารหนี้ จะเสี่ยงน้อยกว่ากองที่ลงทุนในหุ้น เป็นต้น
 
• กระจายความเสี่ยงในการลงทุน เช่น กระจายการซื้อกองทุน SSF มากกว่า 1 กอง โดยแต่ละกองให้เลือกกลุ่มสินทรัพย์ลงทุนที่แตกต่างกันหรือลงทุนในกลุ่มประเทศที่ต่างภูมิภาคกัน แต่มีข้อควรระวัง คือ การซื้อกองทุน SSF SET50 ต่าง บลจ. กัน หรือการซื้อกองทุน SSF ต่าง บลจ. แต่นำเงินไปซื้อสินทรัพย์ในกองทุนแม่ในต่างประเทศกองเดียวกัน แบบนั้นไม่ได้เป็นการกระจายความเสี่ยงด้านสินทรัพย์ลงทุน ต้องระมัดระวัง
 
• ลงทุน SSF แบบสม่ำเสมอ เช่น ลงทุนทุกเดือน ทุกไตรมาส หรือทุกปีในรูปแบบ DCA เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนและกระจายความเสี่ยงด้านการจับจังหวะลงทุน
 
ชอปปิง SSF เมื่อไรดี

• สาย DCA หากถนัดลงทุนกองทุน SSF แบบสม่ำเสมอทุกเดือน ก็ต้องใช้รูปแบบ DCA ซึ่งเหมาะกับผู้ที่วางแผนภาษีตั้งแต่ต้นปี และรู้ว่าต้องซื้อกองทุน SSF ทั้งหมดเท่าไรในปีนั้น
 
• สายตุน เป็นการลงทุน SSF แบบซื้อตุน เช่น เมื่อได้โบนัสช่วงต้นปีก็แบ่งเงินสักก้อนมาลงทุนกองทุน SSF ตุนไว้ก่อน เมื่อในระหว่างปีนั้นหากเห็นว่าภาวะตลาดปรับลดลงก็ค่อยเข้าลงทุนในจังหวะขาลง ราคาซื้อก็จะลดลงด้วย
 
• สายถัว เป็นการลงทุน SSF แบบรอซื้อถัว ด้วยการรอจังหวะตลาดปรับลดลงแล้วเข้าซื้อถัวไปเรื่อย ๆ แต่จะไม่มีการวางแผนแบ่งซื้อด้วยเงินจำนวนเท่า ๆ กัน เหมือนรูปแบบ DCA แต่จะขึ้นอยู่กับโอกาสการลงทุนในปีนั้น ๆ
 
• สายเปย์ปลายปี เป็นวิธีการลงทุน SSF ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะสิ้นปีแบบครั้งเดียว ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการรอรายได้ในรูปแบบอื่น ๆ มารวมกับรายได้ประจำเพื่อคำนวณรายได้รวมทั้งปีให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการซื้อเกินสิทธิลดหย่อนภาษี
 
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะถนัดลงทุนสายไหน หากยังไม่ได้ลงทุนหรือลงทุนไปบ้างแล้ว อาจพิจารณาลงทุนกองทุน SSF ให้เต็มสิทธิด้วยเหตุผลที่ว่าเงินคืนจากสิทธิลดหย่อนภาษี เป็นเหมือนฉนวนปกป้องจากภาวะขาดทุนได้ในระดับหนึ่ง เพราะเงินคืนภาษีถือเป็นกำไรก้อนแรกจากการลงทุน SSF หากกองทุนที่ลงทุนมีมูลค่าปรับลดลงต่ำกว่าฐานภาษี ก็ถือเป็นเสมือนการขาดทุนกำไร หมายความว่า ฐานภาษีสูงฉนวนก็หนา ฐานภาษีต่ำกว่าฉนวนก็บางหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีฉนวนเลย
 
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 พ.ย. 2565 เวลา : 10:35:48
30-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 30, 2024, 7:42 pm