เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
SCB EIC คาด กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง อีก 3 ครั้ง สู่ระดับ 2% ในไตรมาส 2 ปี 2023


 
กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1% เป็น 1.25% ตามคาด เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจะยังเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจในระยะต่อไป และช่วยลดทอนผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2023 มีแนวโน้มสูงกว่าประมาณการครั้งก่อนจากราคาพลังงานในประเทศเป็นสำคัญ แต่มีแนวโน้มลดลงและกลับสู่กรอบเป้าหมายในปี 2023 ซึ่งการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังเป็นแนวทางการดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินเฟ้อ

กนง. ประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.2% 3.7% และ 3.9% ในปี 2022 2023 และ 2024 ตามลำดับ 
ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวชัดเจนสะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนได้รับแรงสนับสนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงการจ้างงานและรายได้แรงงานที่ปรับดีขึ้นและกระจายตัวทั่วถึงมากขึ้น โดยภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจะเป็นแรงส่งสำคัญต่อเนื่องในปี 2023 และ 2024 แม้การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะทำให้ภาคการส่งออกขยายตัวลดลง อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูงและอาจชะลอตัวมากกว่าคาด และความต่อเนื่องของการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

กนง.คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2022 2023 และ 2024 จะอยู่ที่ 6.3% 3.0% และ 2.1% เงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดแล้วในไตรมาสที่ 3 โดยสำหรับปี 2023 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเทียบกับประมาณการครั้งก่อนจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเป็นสำคัญ แต่จะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายภายในสิ้นปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ โดยจะทยอยลดลงอยู่ที่ 2.6% 2.5% และ 2.0% ในปี 2022 2023 และ 2024 ตามลำดับ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามความเสี่ยงเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการส่งผ่านต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้น และการปรับราคาพลังงานในประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอน

กนง.ประเมินว่า ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพและภาวะการเงินยังผ่อนคลาย ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนโดยรวมปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ฐานะการเงินของผู้ประกอบการ SMEs และครัวเรือนบางส่วนยังเปราะบางจากรายได้ที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งจะทำให้อ่อนไหวต่อค่าครองชีพและภาระหนี้ที่สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนทยอยปรับสูงขึ้นสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่โดยรวมยังเอื้อต่อการระดมทุน โดยปริมาณสินเชื่อและการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ยังขยายตัว ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวผันผวนสูงจากทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักเป็นสำคัญ

IMPLICATIONS
 
EIC คาดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นต่อเนื่องอยู่ที่ 2% ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีหน้า กนง. มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง สอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและแนวโน้มเงินเฟ้อที่คาดว่าจะยังสูงกว่ากรอบเป้าหมายที่ 1-3% โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า โดย EIC คาดว่า กนง. จะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 3 ครั้ง (ครั้งละ 25 BPS) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 สู่ระดับ 2% เพื่อให้นโยบายการเงินค่อย ๆ กลับสู่ระดับที่เหมาะสมกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยระยะยาว 
 
 
ทั้งนี้ EIC มองว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจไม่สามารถปรับสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะชะลอลงมากชัดเจน โดยเฉพาะเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐฯ จะเริ่มเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรและยูโรโซนจะถดถอยต่อเนื่องจากปลายปีนี้ ทำให้อุปสงค์โลกชะลอลงมาก ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้ 
 
 
โดย EIC ประเมินว่า กนง.จะประเมินจังหวะในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว เพื่อให้มั่นใจว่าการทำ Policy normalization ทั้งนโยบายการเงินและมาตรการการเงินที่จะสิ้นสุดภายในครึ่งแรกของปี 2023 เช่น มาตรการลด FIDF fee ชั่วคราวที่จะสิ้นสุดในปีนี้  และมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูที่จะสิ้นสุดในเดือนเมษายนปีหน้า จะไม่ทำให้ภาวะการเงินตึงตัวเร็วมากจนกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและไม่แน่นอนสูง

ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกยังมีอยู่มาก เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย EIC ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2023 มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่า 2% ซึ่งเข้าใกล้ค่าเฉลี่ยช่วงเศรษฐกิจถดถอยในอดีตมากขึ้น แม้ในกรณีฐาน EIC ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกจะยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่น ความขัดแย้งระหว่างประเทศรุนแรง หรือเงินเฟ้อกลับมาเร่งตัวสูง จนทำให้นโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักเข้มงวดมากขึ้นอีก (รูปที่ 1) อาจทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ และจะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และทิศทาง monetary policy normalization ของไทย

รูปที่ 1 : เศรษฐกิจโลกมีโอกาสเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดคิดในปี 2023 ที่อาจทำให้เข้าสู่ภาวะถดถอยได้
 
 
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC โดยข้อมูลจาก World Bank และ Moody’s

บทวิเคราะห์โดย... https://www.scbeic.com/th/detail/product/policy-rate-301122
 
 
 
ผู้เขียนบทวิเคราะห์
วชิรวัฒน์ บานชื่น (wachirawat.banchuen@scb.co.th)             
 
 
 
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส                                                     
ณิชนันท์ โลกวิทูล (nichanan.logewitool@scb.co.th)
 
 
นักวิเคราะห์
ECONOMIC AND FINANCIAL MARKET RESEARCH
ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ
รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Economic Intelligence Center และรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

ดร.ฐิติมา ชูเชิด
ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ และตลาดการเงิน
วชิรวัฒน์ บานชื่น
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส
ดร.ปุณยวัจน์ ศรีสิงห์ 
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส
จงรัก ก้องกำชัย
นักวิเคราะห์
ณิชนันท์ โลกวิทูล
นักวิเคราะห์
ปัณณ์ พัฒนศิริ
นักวิเคราะห์
วิชาญ กุลาตี
นักวิเคราะห์
ดร.อสมา เหลี่ยมมุกดา
นักวิเคราะห์






































 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 01 ธ.ค. 2565 เวลา : 11:10:36
30-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 30, 2024, 7:44 pm