คาด SET แนวโน้มชะลอตัวบ้าง หลังผลประชุมเฟดส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยนานขึ้น โดยปรับ terminal rate ขึ้น อย่างไรก็ตาม มองตลาดน่าจะรับรู้ก่อนหน้าระดับหนึ่งแล้ว ทำให้การอ่อนตัวดูมี downside จำกัด ที่แนวรับ 1620-1628 จุด ขณะที่ภาพรวม สัญญาณเทคนิคดูดีขึ้น มีแนวโน้มแสดงถึงการปรับขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1640 และ 1650 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
ผลประชุม FOMC ขึ้น ด.บ. 0.50% สู่ 4.25-4.50% ขณะที่ terminal rate ปีหน้าอยู่ที่ 5.1% สะท้อน Fed ขึ้น ด.บ. อีกอย่างน้อย 0.75% ด้าน ปธ. Fed ระบุยังเร็วเกินไปที่จะลด ด.บ. จนกว่าจะถึงปี 2567
จีนเตรียมออกมาตรการวงเงินกว่า 1 ล้านล้านหยวน เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ใน ปท. หลังสหรัฐจำกัดการเติบโต
แพลตฟอร์มสุขภาพของจีนเริ่มจำหน่ายแพ็กซ์โลวิด ยาต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์ เป็นครั้งแรกที่ถูกนำมาขายปลีกให้แก่ ปชช. ทั่วไปในจีน
IEA คาดอุปสงค์น้ำมันโลกปีหน้าเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 101.6 ล้านบาร์เรล/วัน จากความต้องการใช้น้ำมันจากอินเดียและจีน
วันนี้ติดตามการประชุม ECB คาดปรับขึ้น ด.บ. 0.50% และการประชุม BoE คาดขึ้น ด.บ. 0.50 สู่ระดับ 3.50%
เวิลด์แบงก์คาด GDP ไทยปีนี้โต 3.4% จาก 3.1% ปีหน้าโต 3.6% จาก 4.1% จากอุปสงค์โลกชะลอตัวกระทบส่งออก แต่การท่องเที่ยว-บริโภคยังหนุน
ททท. คาดนักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มต้นกลับมาในช่วงปลายเดือน ม.ค. 66 หลังจีนทยอยยกเลิกข้อจำกัดมาตรการคุมเข้มโควิด-19
กบง. ขึ้นราคา NGV เป็น 17.59 บ./กก. แต่ตรึงราคา LPG ต่อ 1 เดือน
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1600-1640 จุด หลังตลาดยังอยู่ระหว่างรอปัจจัยชี้นำใหม่ โดยสัปดาห์นี้มีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คือ การประชุมนโยบายการเงินของ FED, BoE, ECB ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมองตลาดยังขาดปัจจัยชี้นำ จึงแนะนำ Selective Buy โดยเน้นรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากการทำ Window Dressing (ราคาหุ้นปรับลง QTD และ YTD อีกทั้งมีสถิติในอดีต 5 ปีย้อนหลังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกในช่วงปลายปี) เลือก CPF ADVANC
2) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากการเปิดตัวของ Tesla ในไทย เลือก AMATA WHA TISCO
3) หุ้นที่คาดโมเมนตัมกำไร 4Q65 เติบโตแข็งแกร่ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังน่าสนใจ เลือก BBL GULF AOT CPALL AU
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นที่คาดถูกนำออก SET50 ซึ่งจะประกาศ 16 ธ.ค. 65 และมีผลบังคับใช้ใน 1H66 อาทิ BLA IRPC KCE SAWAD (SET100 ที่คาดถูกนำออก MAJOR STEC SUPER SYNEX TASCO TTA)
2) หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่าและผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีของโลกมีแนวโน้มอ่อนแอต่อใน 4Q65
3) หุ้นเดินเรือ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
Daily focus
BDMS 4Q65 คาดกำไรเพิ่มขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิด-19 ที่เติบโตเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ป่วยชาวไทยและโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวต่างชาติซึ่งมีการนัดหมายเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากไทยกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง
GPSC ช่วงสั้นมองได้อานิสงส์จากบาทแข็ง ขณะที่กำไรดำเนินงานใน 4Q65 คาดจะยังรักษาโมเมนตัมขาขึ้นเอาไว้ได้ และปี 66 แนวโน้มผลประกอบการจะเป็นบวกมากขึ้นแรงหนุนจากค่า Ft เฉลี่ยที่สูงขึ้น
ข่าวเด่น