คาด SET ปรับลง โดยได้รับปัจจัยลบจากบรรดาธนาคารกลางต่างๆ ยังส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง สร้างความกังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดย SET มีแนวรับสำคัญบริเวณ 1610 จุด หากต่ำกว่า จะกลับมาเป็นสัญญาณลบในภาพรวม โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1600 จุด ส่วนกรอบบนจำกัดที่แนวต้าน 1630-1640 จุด
ประเด็นสำคัญ
ECB ปรับขึ้น ด.บ. 0.50% โดย ด.บ. รีไฟแนนซ์อยู่ที่ 2.50% และยังส่งสัญญาณปรับขึ้น ด.บ. ต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ เช่นเดียวกับ BoE ปรับขึ้น ด.บ. 0.50% สู่ระดับ 3.50% และระบุขึ้น ด.บ.ต่อเนื่อง
ยอดค้าปลีกสหรัฐลดลง 0.6% ในเดือน พ.ย. มากกว่าตลาคคาด และเป็นการร่วงลงมากที่สุดในรอบ 11 เดือน
รัฐบาลสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณการปลดล็อกความเข้มงวดตรวจสอบบริษัทจดทะเบียนจีนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กว่า 200 บริษัท
กกพ. มีมติปรับขึ้นค่า Ft งวด ม.ค.-เม.ย. 66 ภาคธุรกิจขึ้นเป็น 5.69 บ./หน่วย และตรึงค่า Ft สำหรับที่อยู่อาศัยที่ 4.72 บ./หน่วย
ม.หอการค้าไทย คาด GDP ไทยปีหน้าโต 3.6% แรงกดดันเงินเฟ้อลดลง ราคาน้ำมันโลกเหลือ 90 เหรียญ/บาร์เรล คาดรายได้จาก นทท. ต่างชาติอยู่ที่ 1.1 ล้านลบ. ขณะที่ ธปท. ประเมิน ศก. ไทยปี 67 โต 3.9% จากปีนี้ที่คาดโต 3.2% และปีหน้าคาดโต 3.7% และคาดจำนวน นทท. ต่างชาติปี 65-67 อยู่ที่ 10.5, 22 และ 31.5 ล้านคน ตามลำดับ
รมว.คมนาคม ระบุยังไม่ลงนามสัญญาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มกับ BEM โดยรอศาลปกครองพิจารณาคดีพิพาท รฟม. กับ BTS ให้จบก่อน
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1600-1640 จุด หลังตลาดยังอยู่ระหว่างรอปัจจัยชี้นำใหม่ โดยสัปดาห์นี้มีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คือ การประชุมนโยบายการเงินของ FED, BoE, ECB ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมองตลาดยังขาดปัจจัยชี้นำ จึงแนะนำ Selective Buy โดยเน้นรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากการทำ Window Dressing (ราคาหุ้นปรับลง QTD และ YTD อีกทั้งมีสถิติในอดีต 5 ปีย้อนหลังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกในช่วงปลายปี) เลือก CPF ADVANC
2) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากการเปิดตัวของ Tesla ในไทย เลือก AMATA WHA TISCO
3) หุ้นที่คาดโมเมนตัมกำไร 4Q65 เติบโตแข็งแกร่ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังน่าสนใจ เลือก BBL GULF AOT CPALL AU
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นที่คาดถูกนำออก SET50 ซึ่งจะประกาศ 16 ธ.ค. 65 และมีผลบังคับใช้ใน 1H66 อาทิ BLA IRPC KCE SAWAD (SET100 ที่คาดถูกนำออก MAJOR STEC SUPER SYNEX TASCO TTA)
2) หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่าและผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีของโลกมีแนวโน้มอ่อนแอต่อใน 4Q65
3) หุ้นเดินเรือ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
Daily focus
GULF เป็นหุ้น Defensive ที่ต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ อีกทั้งช่วงสั้นคาดได้อานิสงส์จากค่า FT ปรับขึ้น และ bond yield ปรับลง ขณะที่ปี 66 คาดกำไรยังโตดี แรงหนุนจากกำลังผลิตใหม่ของโรงไฟฟ้า IPP โรงไฟฟ้าแห่งใหม่ในโอมาน และส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH
CPALL กำไรปกติ 4Q65 คาดจะเพิ่มขึ้น YoY เกิดจากธุรกิจ CVS ที่ดีขึ้นจากแรงหนุนยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจาก MAKRO ที่เพิ่มขึ้นจากการผนึกกำลังทางธุรกิจและการรีแบรนด์ร้านค้าของ Lotus’s
ข่าวเด่น