การปรับมาตรการ Yield curve control ของ BoJ สร้าง negative surprise ให้กับตลาด และกังวลถึงการส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด เป็นปัจจัยกดดัน SET ให้หลุดแนวรับสำคัญ 1610 จุด ลงมา สร้างสัญญาณลบในภาพรวมต่อการปรับลงได้ต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1590 และ 1580 จุด ตามลำดับ ส่วนการฟื้นตัวถูกจำกัดที่แนวต้านบริเวณ 1610-1620 จุด
ประเด็นสำคัญ
ผลประชุม BoJ คง ด.บ. นโยบายที่ -0.1% และตรึง Bond Yield พันธบัตรรัฐบาล 10 ปีที่ 0% แต่ขยายกรอบ Bond Yield เป็น -0.5% ถึง +0.5% ส่งผลเงินตลาดกังวลกำไรหดตัวจากเงินเยนแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือน
ครม. เห็นชอบมาตรการของขวัญปีใหม่ เช่น ช้อปดีมีคืน เริ่ม 1 ม.ค.-15 ก.พ. 66, ลด
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 66, ลดค่าจดทะเบียนการโอนฯ และค่าจดจำนองฯ ปี 66 หลากหลายมาตรการคาดสร้างเม็ดเงิน 2.8 แสนลบ. หนุน GDP ปี 66 โตเพิ่ม 0.76%
จีนพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่ม สร้างความกังวลว่าในปีหน้าอาจมียอดผู้เสียชีวิตกว่า 1 ล้านราย และอาจเกิดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ ซึ่งเป็นผลจากจีนยกเลิกมาตรการคุมเข้มโควิดกะทันหัน
ส.อ.ท. รายงานยอดผลิตรถยนต์ พ.ย. 65 ที่ 1.9 แสนคัน เพิ่มขึ้น15%YoY สูงสุดรอบ 44 เดือน คาดปีหน้ายอดผลิตที่ 1.85 - 1.95 ล้านคัน ส่วนยอดขายรถ EV ปีหน้าคาด 2.5 - 3.5 หมื่นคัน โตก้าวกระโดด
กกพ. ระบุเตรียมลดค่าไฟภาคอุตสาหกรรม รอ กฟผ.-ปตท. มีหนังสือขอเปลี่ยนแปลงตัวเลขบริหารจัดการหนี้ ส่วนแนวโน้มค่า Ft งวด พ.ค. – ส.ค. 66 ขึ้นอยู่กับว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซฯ จากอ่าวไทยได้เท่าใด เพื่อลดการนำเข้า LNG
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ 1600-1640 จุด เนื่องจากตลาดยังอยู่ระหว่างรอปัจจัยชี้นำใหม่ ทั้งนี้ปัจจัยในประเทศติดตามสัปดาห์นี้ คือ การประชุม ครม. เพื่อพิจารณามาตรการของขวัญปีใหม่ และดุลการค้าไทยเดือน พ.ย. 65 ส่วนปัจจัยต่างประเทศ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ GDP 3Q65 (ประกาศครั้งสุดท้าย), ตัวเลขตลาดบ้านและความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมทั้งสถานการณ์โควิดในจีน ทั้งนี้กลยุทธ์ลงทุนยังคงแนะนำเป็น “Selective Buy”
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมองตลาดยังขาดปัจจัยชี้นำ จึงแนะนำ Selective Buy โดยเน้นรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากมาตรการช้อปดีมีคืน เลือก HMPRO CRC CENTEL COM7
2) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากการทำ Window Dressing (ราคาหุ้นปรับลงทั้ง YTD และ QTD รวมทั้งมีสถิติผลตอบแทนดีในช่วงปลายปี) เลือก CPF ADVANC
3) หุ้นที่คาดโมเมนตัมกำไร 4Q65 เติบโตแข็งแกร่ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังน่าสนใจ เลือก BBL GULF CPALL AU AP
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่าและผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีของโลกมีแนวโน้มอ่อนแอต่อใน 4Q65
2) หุ้นเดินเรือ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง Special Report : ติดตามอ่าน Yearbook 2023 ซึ่งมาด้วยแนวคิด “Hopping to the moon” เพื่อสื่อถึงมุมมองต่อการลงทุนที่ยังต้องทำแบบระมัดระวังแม้ว่าเริ่มเห็นโอกาสมากขึ้นก็ตาม พร้อม 10 หุ้น Top Picks 2023 ที่คัดสรรมาให้
Daily focus
PTTEP มองจะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันระดับที่กลับมาปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ทั้งปี 65 คงคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 91%YoY สู่ 7.2 หมื่นลบ. และอาจมี upside อยู่บ้าง เมื่อพิจารณาจากกำไรที่แข็งแกร่งใน 3Q65
BDMS 4Q65 คาดกำไรเพิ่มขึ้น YoY จากบริการที่ไม่เกี่ยวกับ COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ป่วยไทยและผู้ป่วยต่างชาติซึ่งมีการนัดหมายเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังไทยกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง หนุนปี 65 เติบโต 58%YoY สู่ 1.22 หมื่นลบ. สูงกว่าระดับก่อนเกิด COVID-19
ข่าวเด่น