เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
Scoop : ปี 2023 ภาคท่องเที่ยวไทยโตกระฉูด ธุรกิจอะไรบ้างได้แต้มต่อ?


 
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ล่าสุด มีการประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2023 จะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP เติบโตขึ้นเป็น 3.7% (จากสิ้นปีนี้ 3.2%) และยังโตต่อถึง 3.9% ในปี 2024 ซึ่งเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจเทียบเท่ากับช่วง Pre Covid-19 หรือช่วงก่อนการเกิดไวรัส Covid-19 แพร่ระบาด โดยมีแรงส่งสำคัญเป็นภาคการท่องเที่ยว ที่เป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจไทย ซึ่ง กนง.ได้ประเมินว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปีหน้า จะอยู่ที่ 22 ล้านคน จากปีนี้ที่มีตัวเลขประมาณการอยู่ 10.5 ล้านคน

และเป็นที่น่าสังเกตว่าในปี 2023 ที่แม้จะมีแนวโน้มนักท่องเที่ยวเข้ามายังไทยในสัดส่วน 22 ล้านคน ก็ทำให้เศรษฐกิจไทยนั้นเติบโตกลับมาเท่ากับตอน Pre Covid-19 ที่มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 40 ล้านคนแล้ว ฉะนั้นในปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเป็นดาวรุ่ง ที่เชื้อเชิญให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติทะลักเข้ามายังในประเทศ และสัดส่วนการบริโภคในประเทศจะมีความคึกคักขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ธุรกิจดังต่อไปนี้ได้แต้มต่อ

1. ธุรกิจให้เช่า
 
จากช่วงไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดในไทยตั้งแต่ปี 2020 มาจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. 2022 ไทยก็ได้มีการปิดประเทศ หรือต้องมีการกักตัวก่อนเข้ามายังประเทศ ซึ่งทำให้การเดินทางมายังไทยนั้นเป็นสิ่งที่ยากลำบาก แต่เมื่อมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องมีการกักตัว ก็ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามา และทำให้เกิดเงินสะพัดหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไปจนถึงปีหน้า ตามที่ กนง. ได้ประเมินไว้ ในด้านธุรกิจให้เช่าที่เป็นการรองรับนักท่องเที่ยวจะได้รับอานิสงส์อย่างมีนัยสำคัญ เช่น การใช้เช่าที่พัก ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ อย่างโรงแรม และการนำสินทรัพย์ของตัวเองมาเปิดให้เช่า ผ่านการให้บริการของ Airbnb หรือ Agoda หรือการเปิดให้เช่ารถส่วนตัว ที่ตอนนี้มีกลุ่มบริษัทตัวกลางให้เปิดเช่ารถยนต์ไฟฟ้าได้แล้วอีกด้วย ผ่านการให้บริการของ EVme, SIXT และ HAUP ซึ่งเราก็สามารถนำรถยนต์ที่เราเป็นเจ้าของอยู่เปิดให้เช่ากับนักท่องเที่ยวได้ โดยทั้งการเปิดให้เช่าที่พักและรถส่วนตัวนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นการบริการให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง เท่านั้น แต่ก็มีโอกาสที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวไทยเช่นกัน เพราะการที่เศรษฐกิจมีการขยายตัวขึ้น แม้จะมีพาร์ทใหญ่มาจากการบริโภคภายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ก็ทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบซึ่งเกื้อกูลธุรกิจในประเทศ สร้างงาน สร้างอาชีพให้คนไทยกลับมามีรายได้ และมีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ตามการประเมินของ ธปท. ที่ชี้ว่า การบริโภคภาคเอกชนจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และรายได้ที่ปรับดีขึ้น ผู้ที่ไม่ได้งานทำในช่วงก่อนหน้าทยอยกลับเข้าทำงาน โดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจ

2. ธุรกิจที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า Customer Experience

จากข้อที่แล้ว เราเห็นแล้วว่าผู้คนดำเนินชีวิตด้วยการถูกจำกัดอยู่นาน จากสถานการณ์ ไวรัสโควิด-19 เมื่อตอนนี้ความร้ายแรงได้ซาลงไปแล้ว ผู้คนก็ต่างต้องการสิ่งแปลกใหม่ ไม่ใช่อะไรที่จำเจ การทำธุรกิจที่สามารถนำส่งประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าจึงมีแนว โน้มที่จะสามารถทำเงินให้กับธุรกิจที่ทำอยู่ได้

 
ร้าน Indy Pancake Cartoon ที่ตลาด Jodd Fair จาก TwiAer @okieeeee_

เช่น ปกติเราขายของอยู่ในตลาด Jodd Fair ซึ่งเป็น DesFnaFon ใหม่ของนักท่องเที่ยว การขายสินค้าที่มีความแตกต่าง และมีกิมมิคแปลกใหม่สะดุดตา ก็จะสามารถทำให้ธุรกิจเราได้แต้มต่อจากคนอื่นๆได้ เช่น ร้านขายแพนเค้กรูปการ์ตูนตามสั่งชื่อดังในตลาด หรือจะเป็นคาเฟ่เมดสไตล์ญี่ปุ่น Maidreamin ที่ตั้งอยู่ใน MBK ก็เป็นตัวอย่างนำส่งประสบการณ์ให้กับลูกค้าที่แปลกใหม่และน่าสนใจ
 
3. ธุรกิจเพื่อความบันเทิง 
 
ธุรกิจเพื่อความบันเทิงก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ได้แต้มต่อจากภาคการท่องเที่ยวเช่นกัน เนื่องจากจุดเด่นของไทยที่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ไม่หลับใหล และน่าตื่นตาตื่นใจ ฉะนั้นจึงมีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่คาดหวังว่าจะได้รับความบันเทิงใจเมื่อมายังไทย ธุรกิจที่สามารถนำส่งคุณค่าที่ตรงใจกับคนกลุ่มนี้ก็จะสามารถสร้างโอกาสให้กับธุรกิจตัวเองได้ เช่น ธุรกิจร้านอาหารที่มีดนตรีสด ร้านเลเซอร์เกมที่สร้างการมีส่วนร่วมให้กับลูกค้า เป็นต้น

ทั้ง 3 ธุรกิจที่กล่าวมานี้ ล้วนเป็นธุรกิจภาคการบริการที่ได้รับอานิสงส์มาจากการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างสดใส หากสามารถนำสินทรัพย์ที่มี หรือปรับเปลี่ยนธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ให้สอดรับกับโอกาสที่กำลังจะมาในปีหน้าได้ เราก็จะเป็นผู้เล่นในตลาดที่ได้แต้ม ต่อมากกว่าการทำธุรกิจในแบบเดิมๆ

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 ธ.ค. 2565 เวลา : 18:32:10
30-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 30, 2024, 11:46 am