ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
ราคาน้ำมันดิบเวสเท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียเปิดเผยว่า รัสเซียอาจลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 5%-7% ในช่วงต้นปี 66 เพื่อตอบโต้มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมัน โดยการหยุดขายให้กับประเทศที่สนับสนุนมาตรการดังกล่าว โดยการส่งออกน้ำมันทะเลบอลติกของรัสเซียอาจลดลง 20% ในเดือนธ.ค. จากเดือนก่อนหน้า หลังจากสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศ G7 กำหนดมาตรการคว่ำบาตรและจำกัดราคาน้ำมันดิบรัสเซียตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.
ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุน จากผลผลิตน้ำมันและก๊าซจากรัฐนอร์ทดาโคตาที่ส่งไปยังรัฐเท็กซัสก็หยุดชะงัก เนื่องจากประสบภาวะผลึกน้ำแข็งค้าง โดยในสัปดาห์นี้บ่อน้ำมันของรัฐนอร์ทดาโคตาได้ลดกำลังการผลิตลง 300,000 ถึง 350,000 บาร์เรลต่อวัน หรือหนึ่งในสามของกำลังการผลิตปกติ
โรงกลั่นน้ำมันตามแนวชายฝั่งอ่าวสหรัฐฯ หยุดดำเนินการ เนื่องจากอุณหภูมิที่เย็นจัด จากพายุฤดูหนาว ส่งผลให้อุปกรณ์ขัดข้อง คาดว่ากำลังการผลิตจากโรงกลั่นจะหายไปราว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่แผนการเดินทางของผู้ขับขี่รถยนต์ในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่หยุดชะงัก ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันก็ลดลงเช่นกัน
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นทางตอนใต้ของอเมริกา อีกทั้งการส่งออกของจีนที่มีแนวโน้มปรับลดลง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้น 3.14 % แตะระดับ 7.17 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ราคายังได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากไต้หวัน และจีน
ข่าวเด่น