ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 7 และนับเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบสัปดาห์นับตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค. 65 หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยในเดือน ธ.ค. 65 ปรับตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้ตลาดคาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอตัวลงในการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. 66
ความต้องการใช้น้ำมันของจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และกลับมาเปิดอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. เป็นต้นมา ส่งผลให้จีนเพิ่มการซื้อน้ำมันดิบมากขึ้นเพื่อรองรับการเดินทางในประเทศทั้งทางรถและทางอากาศที่เพิ่มขึ้น
ปริมาณการผลิตของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 13 ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 3 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 775 แท่น
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดูไบ หลังอุปสงค์ภูมิภาคยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ราคามีแนวโน้มได้รับแรงกดดัน หลังโรงกลั่นเวียดนามเตรียมเปิดดำเนินการผลิตหน่วยผลิตน้ำมันเบนซินอีกครั้งในวันที่ 14 ม.ค. หลังมีการปิดดำเนินการไปก่อนหน้านี้
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ในภูมิภาคยังทรงตัวในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ราคามีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับเพิ่มแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน
ข่าวเด่น