ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจีนเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขยายตัว 3% ในปี 2565 ซึ่งมากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.8% นอกจากนี้ ในไตรมาส 4 ปี 2565 ตัวเลข GDP ของจีนขยายตัว 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.8% นอกจากนี้ มีความคาดหวังที่ว่าการยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid) ของจีนในเดือน ธ.ค. 2565 จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและอุปสงค์ของน้ำมันเชื้อเพลิง
ตลาดได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งช่วยให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับลดลง 0.1% มาที่ระดับ 102.4 เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือน ก.พ. 2566 และมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น 0.25% ในเดือน มี.ค. 2566
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ ตามตลาดน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงจากอุปสงค์ที่ลดลงในช่วงฤดูหนาว นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากอินเดีย
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานน้ำมันดีเซลในภูมิภาคปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากเกาหลีใต้ และไต้หวัน นอกจากนี้ จีนมีแนวโน้มส่งออกน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นท่ามกลางการฟื้นตัวของอุปสงค์ในตลาดเอเชีย
ข่าวเด่น