เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "เงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าคาดกดดัน แต่แอบหวังถึงการกลับตัว"



 
เงินเฟ้อสหรัฐในเดือนม.ค. ที่สูงกว่าคาด สร้างความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยต่อของเฟดเป็นปัจจัยกดดัน ดัชนี โดยล่าสุดลงมาบริเวณแนวรับ 1648-1650 จุด ซึ่งมองเป็นจุดที่มีโอกาสกลับตัว อย่างไรก็ตาม หากต่ำกว่า จะเป็นลบต่อ และมีแนวรับถัดไปที่บริเวณ 1635-1638 จุด ด้านกรอบบนอยู่ที่แนวต้าน 1660-1666 จุด หากขึ้นทะลุผ่าน จะเริ่มเป็นสัญญาณที่ดี 

ประเด็นสำคัญ
 
สหรัฐฯ รายงานดัชนี CPI ม.ค. ปรับขึ้น 6.4%YoY ชะลอตัวลงจาก ธ.ค. ที่ 6.5%YoY เป็นการขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2564
 
ก.พลังงานสหรัฐเตรียมระบายน้ำมันจากคลังสำรองฯ 26 ล้านบาร์เรล ช่วยแก้ปัญหาราคาน้ำมันแม้ปริมาณน้ำมันต่ำสุดนับแต่ปี 2526 ด้าน OPEC เพิ่มคาดการณ์อุปสงค์ปีนี้ขึ้น 1 แสนบาร์เรล หลังจีนเปิด ปท.
 
สหรัฐฯ ยังไม่พบหลักฐานวัตถุบินลึกลับ 3 ลำที่ถูกยิงตกว่าเป็นของจีนหรือยานสอดแนมต่างชาติ คาดเป็นของเอกชน
 
กบง.ปรับค่าการตลาดน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เบนซินและแก๊สโซฮอล์เฉลี่ยอยู่ที่ 2 บ./ลิตร มีผล 15 ก.พ. คาดราคาเบนซินลดลง 1.2 บ./ลิตร
 
ครม.เห็นชอบเก็บค่าธรรมเนียมท่องเที่ยวใน ปท. ของ นทท. ต่างชาติ คาดเริ่ม 1 มิ.ย. 66 ส่งผลปีนี้จัดเก็บได้รวม 3.9 พันลบ. นำเข้ากองทุนส่งเสริมท่องเที่ยว, เห็นชอบยุติกองทุน BSF หลังตลาดตราสารหนี้เข้าสู่ภาวะปกติ เอกชนระดมทุนได้ตามเป้าหมาย นอกจากนี้ยังเห็นชอบ FTA ไทย-อียู หลังจากนี้จะขอความเห็นชอบจากชาติสมาชิกอียู 27 ปท.
 
ธปท. เตรียมออกเกณฑ์ปล่อยสินเชื่อใหม่ตามระดับความเสี่ยงลูกหนี้ ไตรมาส 2-3 ปีนี้ คาดบังคับใช้สิ้นปี คาดลดหนี้ครัวเรือนต่ำกว่า 80%

กลยุทธ์การลงทุน
 
ช่วงสั้นมอง SET จะยังแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1650-1680 จุด ระหว่างรอปัจจัยใหม่และดูผลประกอบการ 4Q65 ของ real sector ที่กำลังจะทยอยออกมา กลยุทธ์การลงทุนจึงยังคงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน
 
Weekly Portfolio : มอง SET ยังรอดูปัจจัยใหม่และการประกาศผลประกอบการ 4Q65 ของหุ้นกลุ่ม real sector จึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ไม่ไล่ราคา ดังนี้
 
1) หุ้นที่มองไม่ต้องระวังแรงขายจากต่างชาติ (ปี 65 ต่างชาติขายสุทธิหรือซื้อสุทธิน้อย) ขณะที่ปี 66 (YTD) ต่างชาติเริ่มพลิกซื้อสุทธิหรือซื้อต่อเนื่อง เลือก SCC AMATA ERW
 
2) หุ้นที่ราคายัง Laggard โดยมี PBV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตและปี 2566 คาดกำไรเติบโตดี YoY อีกทั้ง Valuation ยังน่าสนใจ เลือก CPF GPSC SCGP HMPRO
 
3) สำหรับนักลงทุนที่ชอบหุ้นปันผล แนะนำหุ้นที่คาดหลังรายงานงบปี 2565 จะประกาศจ่ายปันผล โดยให้ Div. Yield ปี 65F (หักที่จ่ายระหว่างกาลไปแล้ว) สูงเกิน 4% และคาดขึ้น XD แล้ว ราคาหุ้นจะยังปรับขึ้นต่อได้จากผลการดำเนินงานที่เติบโตดีในปี 66 เลือก TISCO SAT SCCC
 
ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นที่แนะนำให้เพิ่มความระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากคาดจะเผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ ได้แก่ KBANK BANPU PTTEP EA BH

Daily focus
 
KTB กำไรยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยปี 2566 คาดจะเติบโต 15%YoY อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และ valuation น่าสนใจ
 
AWC แนวโน้มดูสดใสขึ้นหลังจากประเทศไทยกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง โดย 4Q65 คาดผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ปี 2566 คาดพลิกกลับมามีกำไรปกติ 895 ลบ. และ 1.6 พันลบ. ในปี 2567
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 ก.พ. 2566 เวลา : 12:02:32
30-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 30, 2024, 2:50 am