แบงก์-นอนแบงก์
กสิกรฯ ชี้ปี 2566 เศรษฐกิจโลกยังต้องระวัง ส่วนไทย ท่องเที่ยวเด่น นทท.เข้าไทยปีนี้สูงสุด 30 ล้านคน


นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย วิเคราะห์ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของปีหน้าในงาน Economic Outlook Thailand Forecast ว่า ในปี 2566 เศรษฐกิจโลกยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะทางฝั่งสหรัฐ สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร จากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารทั่วโลกในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามจากด้านปัจจัยทางภูมิศาสตร์ระหว่างสหรัฐและจีน ในเรื่องของการผ่อนคลายมาตรการควบคุมไวรัส COVID-19 จะส่งผลดีต่อประเทศคู่ค้าของสองประเทศดังกล่าว ซึ่งเป็นปัจจัยบวกให้เศรษฐกิจโลก ส่วนด้านเศรษฐกิจไทย จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ส่งผลให้ธุรกิจในภาคบริการนั้นมีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่น เป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามายังไทยสูงสุดถึง 30 ล้านคน


สภาวะเศรษฐกิจถดถอยของโลกยังคงเป็นที่น่าเป็นห่วง โดยที่ GDP ของโลกอาจมีการปรับตัวลดลงเหลือ 2.1% ในปี 2566 จากระดับ 3.1% ในปีที่แล้ว ซึ่งประเทศที่ต้องจับตามองคือทางสหรัฐ ประเทศในฝั่งยุโรป และสหราชอาณาจักร ที่ตัวเลข GDP มีการปรับตัวลง โดยเฉพาะสหราชอาณาจักรที่มีโอกาสที่จะเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากที่สุด ซึ่งมีความเป็นไปได้ถึง 90% โดยส่วนหนึ่ง การถอนตัวจากสหภาพยุโรปทำให้ขาดแรงงานราคาถูก ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ

ส่วนทางด้านเงินเฟ้อของสหรัฐ ยังปรับลดลงไม่ถึงเป้า โดยคาดว่าค่า CPI หรือดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐในปี 2566 จะปรับลดลงเหลือ 3.8% ซึ่งทางธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ก็ยังคงประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายออกไป เป็นการออกนโยบายทางการเงินที่ตึงตัวต่อในปีนี้ จึงยังคงเป็นแรงกดดันหลักให้กับภาคเศรษฐกิจของสหรัฐอยู่ อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ที่ดีขึ้น ทำให้สหรัฐและจีนได้มีมาตรการผ่อนคลายลง ส่งผลดีกับประเทศคู่ค่า เช่นประเทศไทย ก็มีแนวโน้มที่นักท่องเที่ยวจีนจะกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นๆ ซึ่งมีส่วนส่งผลทางบวกต่อสภาวะเศรษฐกิจโลก

ทางด้านสถานการณ์เศรษฐกิจไทย คาดการณ์ว่า GDP ไตรมาสต่อไตรมาสมีแนวโน้มบวกขึ้น 0.6% และทั้งปี 2566 GDP จะปรับขึ้นไปที่ระดับ 3.7% จาก 3.2% ในปีที่แล้ว เพราะได้แรงส่งจากภาคการท่องเที่ยว ที่ในปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังไทย 25.5 - 30 ล้านคน ทำให้ยอดการบริโภคจากเม็ดเงินต่างชาติมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เห็นได้จากการปรับตัวสูงขึ้นมานับตั้งแต่ไตรมาสที่2 ของปีที่แล้วที่ไทยเริ่มมีการเปิดประเทศ และจากยอดของการใช้บัตรเครดิตจากต่างประเทศที่เข้ามาใช้จ่ายในไทยก็มีทิศทางที่สูงขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน 

 
 
จากข้อมูลของทางกสิกรไทยก็ชี้ว่าไทยเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวมากที่สุดในปีช่วงปี 2565 จำนวน 11 กว่าล้านคน ตามมาด้วยอินเดีย และมาเลเซีย ในอันดับ Top 3 แสดงให้เห็นว่าภาคการท่องเที่ยวไทยถือเป็นแกนหลักสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ซึ่งก็ทำให้ธุรกิจทางด้านการบริการกลับมาโตขึ้นกว่าธุรกิจในด้านอื่นๆจากภาพด้านบน

แต่ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยนั้นไม่ได้โตโดยเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่หดตัวลง ซึ่งคาดว่าจะติดลบอยู่ที่ 0.5% ด้าน Market Share ของการส่งออกสินค้าไทยอยู่ที่ 1.4% ยังเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะเรื่อง FTA หรือการทำการตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ ที่ไทยเราเซ็นสัญญาไปแล้ว 15 ฉบับ คิดเป็นมูลค่า 35 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ น้อยกว่าเวียดนามที่เซ็นสัญญากับประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 16 ฉบับ คิดเป็นมูลค่า 50.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งไทยอาจต้องพิจารณาเซ็นสัญญากับประเทศที่มีศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจขนาดใหญ่ดังกล่าว

ด้านเงินเฟ้อของไทย จากค่า CPI ที่พุ่งไปอยู่ที่ระดับ 6.2% เมื่อปีที่แล้ว คาดว่าในปีนี้สถานการณ์เงินเฟ้อของไทยจะดีขึ้น โดยมีแนวโน้มจะลดลงไปอยู่ที่ระดับ 2.8% ในปี 2566 นี้ และความเป็นไปได้ของการเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอยของไทย มีโอกาสอยู่ที่ 15% ซึ่งอยู่ในระดับต่ำ สวนทางกับทางสหรัฐ
 

 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 ก.พ. 2566 เวลา : 10:06:15
13-01-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ January 13, 2025, 9:41 pm