หุ้นทอง
ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ต้อนรับ บมจ. บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป (BVG) เริ่มซื้อขาย 17 ก.พ. นี้


บมจ. บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป ผู้นำด้านการให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทย พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 17 ก.พ. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,732.5 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “BVG”

 
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ. บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มเทคโนโลยี โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “BVG” ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566

BVG เป็นบริษัทย่อยของ บมจ. ไทยรับประกันภัยต่อ (THRE) ประกอบธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันสำหรับบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประกันภัยรถยนต์ (ระบบ EMCS) และมีบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% อีก 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท บลูเวนเจอร์ ทีพีเอ จำกัด ให้บริการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลและสินไหมทดแทน รวมถึงการให้คำปรึกษาแนะนำที่เกี่ยวข้อง ผ่านแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน (บริการ TPA) บริษัท บลูเวนเจอร์ แอคชัวเรียล จำกัด ให้คำปรึกษาด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย และบริษัท บลูเวนเจอร์ เทค จำกัด ให้บริการนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ปัจจุบัน BVG มีฐานลูกค้าที่เป็นบริษัทประกันภัยมากที่สุดในประเทศจำนวน 34 บริษัท มีส่วนแบ่งการตลาดในงวด 9 เดือนแรกปี 2565 อยู่ที่ร้อยละ 41.3 คำนวณจากจำนวนการเคลมประกันรถยนต์ผ่านระบบ EMCS เทียบกับประมาณการจำนวนการเคลมประกันรถยนต์ในประเทศไทย และในงวด 9 เดือนแรกปี 2565 กลุ่มบริษัทมีโครงสร้างรายได้จากระบบ EMCS : บริการ TPA : บริการอื่นและรายได้อื่น เท่ากับ 42 : 43 : 15

BVG มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 225 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 360 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 90 ล้านหุ้น นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นเดิมจะนำหุ้นออกขาย 67.5 ล้านหุ้น แบ่งเป็นเสนอขายต่อผู้มี อุปการคุณของบริษัทฯ 17.3 ล้านหุ้น บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 140.2 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์ 2566 ในราคาหุ้นละ 3.85 บาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 606.375 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,732.5 ล้านบาท ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 32.08 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 4/2564 ถึง ไตรมาส 3/2565) ซึ่งเท่ากับ 51.86 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.12 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ

นางนวรัตน์ วงศ์ฐิติรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป (BVG) เปิดเผยว่า บริษัทให้บริการระบบ EMCS เป็นรายแรกและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศไทย นอกจากมีฐานลูกค้าที่เป็นบริษัทประกันภัยมากที่สุดแล้ว ยังมีลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการเคลมประกันภัยรถยนต์กว่า 3,700 รายทั่วประเทศ อาทิ ศูนย์ซ่อมมาตรฐาน อู่ซ่อมรถยนต์ ร้านอะไหล่ บริษัทสำรวจภัย บริษัทรถยก และบริษัทประมูลซากรถ เป็นต้น ในส่วนบริการ TPA บริษัทครอบคลุมสถานพยาบาลเครือข่ายทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึงคลินิกทั่วประเทศมากกว่า 500 แห่ง ทั้งนี้ BVG มีเป้าหมายในการพัฒนาซอฟต์แวร์ และออกแบบนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านประกันภัย ให้ครอบคลุมทุกกระบวนการของธุรกิจ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำและเพื่อประโยชน์ของคู่ค้าที่เกี่ยวข้อง สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้ในการพัฒนาระบบ AI และระบบสารสนเทศ ขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน โดยการลงทุนหรือร่วมทุนกับบริษัทอื่น และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ

BVG มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ บมจ. ไทยรับประกันภัยต่อ (THRE) ถือหุ้น 65% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น

ผู้ลงทุนและผู้สนใจ สามารถดูรายละเอียด จากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.blueventuregroup.co.th และ www.set.or.th

“SET…Make it Work for Everyone”

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 ก.พ. 2566 เวลา : 11:20:43
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 11:44 am