บมจ.เชฎฐ์ เอเชีย หนึ่งในผู้นำธุรกิจบริหารหนี้สินและจัดเก็บหนี้ครบวงจร พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 21 ก.พ.นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 5,757.78 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “CHASE”
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. เชฎฐ์ เอเชีย เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “CHASE” ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566
CHASE เป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) (RS) ที่ให้บริการด้านบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (AMC) (เน้นไม่มีหลักประกัน) และการเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สิน (Collection) รวมถึงการดำเนินคดีแบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจยาวนานกว่า 25 ปี การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสถาบันการเงินชั้นนำ ความพร้อมของบุคลากรและสาขาครอบคลุมทุกภูมิภาค ส่งผลให้บริษัทมีผลการติดตามและบริหารหนี้ในอดีตที่ดี ด้วยปริมาณสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan) ในระบบที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 ที่ผ่านมา การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จากผลกระทบ COVID-19 ของธนาคารพาณิชย์ที่สิ้นสุดลงในปี 2565 ในขณะที่ปี 2566 เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลให้การจ่ายชำระหนี้ของลูกหนี้ดีขึ้น ล้วนเป็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจของบริษัท
CHASE มีทุนชำระแล้ว 992,720,900 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน จำนวนรวม 562 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุน 417 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมของบริษัท อาร์เอส มอลล์ จำกัด (บริษัทย่อยของ RS) 145 ล้านหุ้น ให้แก่บุคคลและ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน ตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 538.30 ล้านหุ้น บุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัท พนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย และผู้มีอุปการคุณของบริษัท 23.70 ล้านหุ้น ในวันที่ 13 – 15 กุมภาพันธ์ 2566 ราคาหุ้นละ 2.90 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,209.30 ล้านบาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 5,757.78 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
นายประชา ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เชฎฐ์ เอเชีย (CHASE) เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยให้บริษัทฯ มีฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น เพิ่มศักยภาพในการเติบโต โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาใช้ในการลงทุนขยายพอร์ตเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) และเพิ่มประสิทธิภาพของบริการติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สินที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดศักยภาพของ CHASE ในฐานะผู้นำการให้บริการจัดการหนี้สินอย่างครบวงจร ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป
CHASE มีผู้ถือหุ้น 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1) ครอบครัวชัยสุวรรณ ถือหุ้น 51.43% 2) กลุ่มบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 21.35% และ 3) BNP MELLON NOMINEES LIMITED ถือหุ้น 3.53% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มีการพิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) โดยราคาที่เสนอขายคิดเป็นอัตราส่วน
ราคาต่อมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (Price to Book Value : P/BV) เท่ากับ 2.82 เท่า เมื่อเทียบกับมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (Book Value Per Share) ที่ 1.03 บาทต่อหุ้น ซึ่งคำนวณจากมูลค่าตามบัญชีตามงบการเงินรวมของบริษัท ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ (Fully Diluted) ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.chase.co.th และที่ www.set.or.th
“SET…Make it Work for Everyone”
ข่าวเด่น