ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวลดลง หลังมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) โดยนักลงทุนคาดว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค., พ.ค. และ มิ.ย. 66 ครั้งละ 0.25% สู่ระดับสูงสุดที่ 5.25-5.50% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นอีก 6 สกุล ปรับเพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับที่ 104.2
นักวิเคราะห์คาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ อาจปรับเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน โดยสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 17 ก.พ. 66 คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงจับตาการเปิดเผยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ จากสถาบันปิโตรเลียมสหรัฐฯ (API)
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของจีน อาจปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 66 ซึ่งจะทำให้อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับสูงสุดที่ 101.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 66
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินของอินโดนีเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในเดือน มี.ค. 66 อย่างไรก็ตาม อุปสงค์น้ำมันเบนซินในอินเดียลดลง เนื่องจากกิจกรรมการขับขี่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ จากผลกระทบของสภาพอากาศหนาวในช่วงที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการผลิตน้ำมันดีเซลในจีนปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าอุปสงค์ภายในประเทศ ทำให้การส่งออกน้ำมันดีเซลในจีนมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยคาดการณ์การส่งออกน้ำมันดีเซลในเดือน ก.พ. 66 อยู่ที่ประมาณ 2.4 ล้านตัน
ข่าวเด่น