เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
Special Report : เจาะธีมการลงทุน ปี 2023 ลงทุนกับอะไรดีที่สุด?


ปี 2022 ที่ผ่านมา นับว่าเป็นปีที่หนักหน่วงอย่างมากสำหรับสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยเฉพาะ Digital Asset เหรียญคริปโต และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เพราะความไม่แน่นอนของนโยบายและเศรษฐกิจโลก (Global Uncertainty) ปรับตัวสูงขึ้น จากสภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครนและสภาวะเงินเฟ้อ กระทบต่อความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนที่ลดลงฉับพลัน สภาพคล่องในตลาดการเงินก็ลดลงอย่างมาก เป็นฝันร้ายที่ปกคลุมตลาดลงทุนโดยรวมแทบจะทั้งปี 

มาในปี 2023 นี้ ทั้งโลกก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องอยู่ จากการที่เศรษฐกิจในหลายๆประเทศทั่วโลกกำลังจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) โดยเฉพาะสหรัฐ กลุ่มประเทศยุโรป และอังกฤษ จากการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวในปีที่แล้วเพื่อลดเงินเฟ้อ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่สภาพเศรษฐกิจในหลายๆประเทศ และตลาดการเงินโลกน่าจะดีขึ้น จากปัจจัยของเงินเฟ้อที่ลดลงไป ผนวกกับการปรับตัวลดลงของราคาสินทรัพย์โดยรวมในช่วงก่อนหน้า (การเกิดนโยบายการเงินที่ตึงตัวเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในปีที่แล้ว ทำให้ผู้คนเทขายสินทรัพย์เพื่อกันกระแสเงินสดเอาไว้กับตัว ไม่ว่าสินทรัพย์อะไรก็ได้รับผลกระทบทั้งหมด เพราะตลาดลงทุนนั้นเชื่อมถึงกัน) ก็เป็นโอกาสสำคัญที่จะสามารถทำให้เราได้ลงทุนในสินทรัพย์ช่วงมหกรรมราคา On Sale  และได้ผลกำไรที่ Outperform กว่าคนอื่น หากเลือกลงทุนได้ถูกทาง โดยธีมการลงทุนที่ทาง AC News วิเคราะห์ออกมาแล้วว่ามีศักยภาพสูง และมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างสดใสในปี 2023 มีดังนี้

1. ประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโต
แม้ในปีนี้จะมีหลายประเทศเริ่มเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่มีแนวโน้มในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี จากที่ซบเซาลงไปก่อนหน้านี้ เช่น ประเทศจีน ที่ได้รับผลกระทบกับช่วงการเกิดไวรัสโควิด-19 อย่างหนักหน่วงไปก่อนหน้านี้ และสถานการณ์อย่างมาตรการ Zero COVID ที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจจีนให้เกิดการซบเซามาตลอดทั้งปี 2022 แต่ปีนี้จีนได้ผ่อนคลายมาตรการแล้ว เปิดประเทศ ไฟเขียวให้คนในประเทศสามารถเดินทางออกข้างนอกได้ ทำให้เศรษฐกิจเริ่มกลับมาสะพัดอีกครั้ง ผลกระทบจากเรื่องของ Supply Chain ที่โรงงานผลิตส่วนใหญ่ตั้งอยู่ที่จีน ก็กลับมาฟื้นตัว โดยข้อมูลจากธนาคารกสิกรไทย GDP ของจีนในปีนี้ก็มีทิศทางการเติบโตอยู่ที่ 5.1% จากปีที่แล้ว 3% และเมื่อจีนเปิดประเทศ ไทยก็จะได้รับอานิสงส์ในด้านภาคการท่องเที่ยวจากจีนด้วย เนื่องจากจีนถือว่าเป็นตลาดใหญ่ของไทย ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ในงานประชุมนักวิเคราะห์ (Analyst Meeting) ว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจะเป็นแรงส่งสำคัญ ซึ่งทางกนง.ได้ประเมินว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในในปี 2566 ขึ้นไปอยู่ที่ 22 ล้านคน และ GDP ของไทยปีนี้ จะปรับขึ้นไปเป็น 3.7% จาก 3.2% ในปีที่แล้ว ขณะที่โอกาสในการเกิด Recession ของไทยมีแนวโน้มอยู่เพียง 15% ซึ่งถือว่าต่ำมาก เป็นบรรยากาศที่ดีที่ดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในไทย

นอกจากนี้ เวียดนามก็ถือเป็นอีก 1 ประเทศที่มีโอกาสเติบโตอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากการส่งออก และการลงทุนภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง โดยที่ปี 2023 เวียดนามตั้งเป้า GDP ของตนเอาไว้อยู่ที่ 6.5% ซึ่งมีความสามารถโดดเด่นเพราะได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจาคนชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ที่มีสัดส่วน 10% ของ GDP


2. แนวโน้มของพลังงานทางเลือกและความยั่งยืน
จากเหตุการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาทางด้านการเมืองที่สร้างผลกระทบด้านพลังงานอย่างน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ชนวนของการขาดแคลนพลังงาน และกระทบกับสายการผลิต การนำเข้าอาหาร จนก่อให้เกิดสภาวะเงินเฟ้อ ที่ส่งผลเสียต่อภาคเศรษฐกิจไปทั่วทั้งโลก ทำให้เห็นถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาพลังงานแบบเดิม และผลักดันให้แผนการลดใช้พลังงานดั่งเดิมและลงทุนกับพลังงานทางเลือกนั้นดำเนินการอย่างรวดเร็วมากขึ้นในหลายๆประเทศ การลงทุนที่มีแนวโน้มเติบโตจึงอยู่ในกลุ่มของพลังงานทางเลือกต่างๆ ส่วนการลงทุนในด้านสิ่งแวดล้อมก็เป็นดาวเด่นในปีนี้และในอนาคตเช่นกัน จะสังเกตได้ว่าในหลายๆบริษัท หยิบยกความเป็น ESG มาพูดถึง หรือประกาศการนำเรื่องนี้มาเป็นเป้าหมายหลักในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการลงทุนด้านความยั่งยืน ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงของความไม่แน่นอนในเรื่องของเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดด้านสิ่งแวดล้อม อย่างที่เคยเกิดขึ้นไปแล้วในด้านของพลังงานดังกล่าว


3. Health Care 
ตอนนี้โลกของเราได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเรียบร้อยแล้ว โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้สูงอายุอยู่ที่ 13% หรือประมาณ 1 พันล้านคน และในปี 2030 มีการคาดการณ์ว่า จะมีผู้สูงอายุประมาณ 1.4 พันล้านคน หรือคิดเป็น 16.5% ของประชากรทั้งหมด ถือได้ว่าเป็นการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือ Aging Society อย่างเต็มตัว ฉะนั้นธุรกิจในกลุ่มการแพทย์ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับ Health Care จะมีการเติบโตอย่างมากในอนาคตเพื่อสอดรับกับกลุ่มคนดังกล่าว ซึ่งนับจากนี้ ความก้าวหน้าทางการแพทย์ก็มีแนวโน้มพัฒนาตามการเคลื่อนที่ของโลก อย่างเช่นสัญญาณของในไทยตอนนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายสำคัญที่จะผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็น ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ หรือ Medical Hub ด้วยการมุ่งอัพเกรดวิวัฒนาการใหม่เพื่อเข้าสู่การแพทย์แบบจีโนมิกส์ นวัตกรรมการให้บริการทางการแพทย์ที่สามารถทำนายโอกาสการเกิดโรค การวินิจฉัย และการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถรักษาผู้ป่วยได้ตรงจุด เหมาะสมเฉพาะเจาะจงสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งจะเห็นช่องว่างทางโอกาสในสินทรัพย์กลุ่มนี้อีกมาก 

และทั้งหมดนี้ก็คือธีมการลงทุนที่ทาง AC News คัดสรรมาว่ามีแนวโน้มที่จะ Outperform ได้อย่างมีประสิทธิภาพในปี 2023 และปีต่อๆไปในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ใช่การชี้นำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาเพิ่มเติมประกอบการพิจารณา เพราะยังมีความท้าทายในปัจจัยอื่นๆรออยู่ ซึ่งหากสามารถคัดเลือกสินทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ก็มีโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาวได้
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 ก.พ. 2566 เวลา : 19:30:05
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 11:42 pm