เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "Fund flow ไหลออกยังกดดันต่อ"



SET หลุดต่ำกว่าแนวรับ 1645 จุด และไหลลงต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมเป็นสัญญาณลบต่อ โดยมีปัจจัยกดดันจากทิศทาง fund flow ไหลออก หลังเงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 2 เดือน มาใกล้บริเวณ 35.00 บาท รวมถึงกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุก ยังกดดันดัชนี โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1627 และ 1620 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนอยู่ที่แนวต้าน 1640-1648 จุด

ประเด็นสำคัญ
 
ดัชนี PCE ม.ค. สหรัฐเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด ทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 2564 ด้านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.พ. โดย ม. มิชิแกน เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ม.ค. 2565 ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่ ม.ค. เพิ่มขึ้นเกินคาด ทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ มี.ค.2565
 
FedWatch Tool เพิ่มน้ำหนักที่ Fed จะขึ้น ด.บ. 0.50% ในการประชุม 21-22 มี.ค. เป็น 41.7% จากก่อนหน้านี้ที่ให้น้ำหนักเพียง 2.8%
 
รัสเซียและยูเครนขานรับข้อเสนอของจีนเป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ยยุติสงครามในยูเครน แต่ทางนาโตยังไม่เชื่อมั่นต่อข้อเสนอของจีน
 
Bloomberg รายงานสหรัฐเตรียมเก็บภาษีนำเข้าอะลูมิเนียมรัสเซีย 200% รวมถึงปท. อื่น ๆ ที่ใช้อะลูมิเนียมรัสเซีย กังวลกระทบการผลิตทั่วโลก
 
สศค. คาด ศก. ไทยปีนี้โต 3.8% จำนวน นทท. 27.5 ล้านคน โดยแรงหนุนหลักจากภาคท่องเที่ยว-อุปสงค์ฟื้นตัว ขณะที่คาดเงินเฟ้อเพิ่มไม่มาก
 
กรมปศุสัตว์ระบุ 1Q66 เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตสูงขึ้นจากค่าอาหารสัตว์ ค่าแรง ค่าไฟฟ้า ค่าขนส่ง ค่ายา-เวชภัณฑ์
 
BEM ชี้แจงว่าการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เป็นไปโดยสุจริตถูกต้องตาม กม. และมั่นใจข้อเสนอเป็นประโยชน์แก่ ปชช. - รัฐ

กลยุทธ์การลงทุน
 
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวในลักษณะ Sideways Down โดยหลังสิ้นสุดการประกาศผลประกอบการ 4Q65 แล้ว คาดตลาดจะกลับไปโฟกัสเศรษฐกิจมหภาคมากขึ้น ซึ่งน่าจะยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนจึงยังคงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน
 
Weekly Portfolio : มอง SET ยังอยู่ระหว่างรอปัจจัยหนุนใหม่ และจะกลับมาโฟกัสเศรษฐกิจมหภาคมากขึ้นหลังสิ้นสุดประกาศงบปี 2565 ดังนั้นจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ไม่ไล่ราคา ดังนี้
 
1) หุ้นที่คาดผลบวกเชิงจิตวิทยาและอานิสงส์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงเลือกตั้ง เลือก กลุ่มสื่อ BEC MAJOR และกลุ่มค้าปลีก CPN HMPRO
 
2) หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี โดยเน้นจ่ายปันผลต่อเนื่อง 20 ปีขึ้นไป คาดให้ Div. Yield (หลังหักจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว) ปี 65 สูงเกิน 4% และปี 66 คาด Div. Yield ดีขึ้นหรือใกล้เคียงเดิม อีกทั้งปี 66 ผลประกอบการยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside เกิน 15% เลือก KTB KKP และ AP
 
ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้เพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับ
 
1) หุ้นที่คาดเผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ ได้แก่ AOT KBANK PTTEP EA TIDLOR
 
2) หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT TCAP BTS ASP MST

Daily focus
 
KTB กำไรยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยปี 2566 คาดจะเติบโต 15%YoY อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และ valuation น่าสนใจ
 
ZEN 4Q65 คาดจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 65 โดยมองกำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดที่ 58 ลบ.เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด YoY และเพิ่มขึ้น 14% QoQ แรงหนุนจากธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจอาหารค้าปลีกที่แข็งแกร่ง
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 ก.พ. 2566 เวลา : 10:23:04
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 9:40 pm