SET ยังได้รับปัจจัยกดดันจากทิศทาง fund flow ไหลออก อย่างไรก็ตาม ภาวะการลงทุนในตลาดวันนี้ คาดผ่อนคลายขึ้นบ้าง หลังตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐต่ำคาด ทำให้ดอลลาร์อ่อน และบาทชะลอการอ่อนค่า ทำให้ดัชนีมีโอกาสฟื้นตัว โดยมีแนวต้านที่ 1635 และ 1642 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1620 จุด หากต่ำกว่าเป็นลบต่อ และมีแนวรับถัดไปที่ 1610 จุด
ประเด็นสำคัญ
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ม.ค. สหรัฐลดลงมากกว่าคาดจากการลดลงของคำสั่งซื้อเครื่องบิน ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานเพิ่มขึ้นเกินคาด
ส.อ.ท.ระบุราคาพลังงานเดือน มี.ค. ขึ้นอีกหลายรายการ ทั้ง LPG ปรับขึ้น 15 บ./ถัง ส่วนราคาดีเซลผันผวนหลังรัสเซียประกาศจะลดการผลิตน้ำมันลง 5 แสนบาร์เรล/วัน รวมทั้งการพิจารณาค่า Ft งวด พ.ค.-ส.ค.
กกพ. ระบุผู้ได้รับการคัดเลือก รฟฟ.ชุมชน 41 ราย ลงนามสัญญาฯ กับ กฟภ.แล้ว คาดระยะ 20 ปี หนุนเกษตรกรมีรายได้เพิ่ม 3.3 หมื่นลบ.
คลัง ระบุ ศก.ไทย ม.ค. 66 ได้อานิสงส์การบริโภคภาคเอกชนหนุน ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 8 เดือน สูงสุดในรอบ 26 เดือน ภาคท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว
สมาคมประกันชีวิตไทยคาดเบี้ยประกันชีวิตปีนี้โต 0-2% หลังปีที่ผ่านมาติดลบเล็กน้อย จาก ศ.ก. ฟื้น-คนไทยใส่ใจสุขภาพและสังคมสูงวัยช่วยหนุน
ศาล ปค. สูงสุดยกฟ้องคดีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค-ภาค ปชช. ฟ้องขอเพิกถอนมติ ครม. แก้สัญญาสัมปทานโทลล์เวย์-ขึ้นค่าผ่านทาง ระบุไม่เอื้อประโยชน์เอกชน-สร้างภาระ ปชช. เกินสมควร
พาณิชย์ระบุยอดส่งออกข้าวไทยเดือน ม.ค. 66 อยู่ที่ 8 แสนตัน มูลค่า 1.42 หมื่นลบ. อานิสงส์บาทอ่อนหนุน คาดส่งออกทั้งปีที่ 7.5 ล้านตัน
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวในลักษณะ Sideways Down โดยหลังสิ้นสุดการประกาศผลประกอบการ 4Q65 แล้ว คาดตลาดจะกลับไปโฟกัสเศรษฐกิจมหภาคมากขึ้น ซึ่งน่าจะยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ภาวะดอกเบี้ยขาชึ้น รวมทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนจึงยังคงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET ยังอยู่ระหว่างรอปัจจัยหนุนใหม่ และจะกลับมาโฟกัสเศรษฐกิจมหภาคมากขึ้นหลังสิ้นสุดประกาศงบปี 2565 ดังนั้นจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ไม่ไล่ราคา ดังนี้
1) หุ้นที่คาดผลบวกเชิงจิตวิทยาและอานิสงส์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงเลือกตั้ง เลือก กลุ่มสื่อ BEC MAJOR และกลุ่มค้าปลีก CPN HMPRO
2) หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี โดยเน้นจ่ายปันผลต่อเนื่อง 20 ปีขึ้นไป คาดให้ Div. Yield (หลังหักจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว) ปี 65 สูงเกิน 4% และปี 66 คาด Div. Yield ดีขึ้นหรือใกล้เคียงเดิม อีกทั้งปี 66 ผลประกอบการยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside เกิน 15% เลือก KTB KKP และ AP
ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้เพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับ
1) หุ้นที่คาดเผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ ได้แก่ AOT KBANK PTTEP EA TIDLOR
2) หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT TCAP BTS ASP MST
Daily focus
AWC ปี 2566 คาดพลิกกลับมามีกำไรปกติ 895 ลบ. แรงหนุนจากไทยกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งทำให้ธุรกิจ Hospitality มีภาพรวมเป็นบวก สะท้อนจากใน ม.ค.-ก.พ. ผลการดำเนินงานยังดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจธุรกิจพื้นที่เช่าและออฟฟิศมีมุมมองเป็นกลาง
SNNP ปี 2566 คาดสร้างสถิติกำไรสุทธิสูงสุดที่ 692 ลบ. เติบโต 33%YoY แรงหนุนจากปริมาณการขายในไทยและการส่งออกที่จะปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นที่จะสูงขึ้นหลังมีการปรับราคาขายและต้นทุนหลักลดลง
ข่าวเด่น