ดัชนีปรับลงมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยกดดัน 1) กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก 2) ทิศทาง fund flow ไหลออก และ 3) กังวลภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ด้านแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1600 และ 1590 จุด ตามลำดับ โดยแม้สัญญาณเทคนิคเข้าสู่ภาวะ Oversold แต่ยังไม่แสดงสัญญาณการกลับตัว ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1613 และ 1620 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
เจอโรม พาวเวล ปธ. Fed มีกำหนดขึ้นแถลงนโยบายการเงินและภาวะ ศก. รอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในวันนี้และพรุ่งนี้
เจมส์ บูลลาร์ด ปธ. Fed สาขาเซนต์หลุยส์ หนุน Fed ขึ้น ด.บ. 0.5% ในการประชุม 21-22 มี.ค. ระบุจะไม่ทำให้ ศก. สหรัฐถดถอย ขณะที่คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการ Fed และนีล แคชแครี ปธ. Fed สาขามินเนอาโพลิส หนุนให้ Fed ขึ้น ด.บ. ขั้นสุดท้ายปีนี้เกินกว่า 5.4% หาก ศก. สหรัฐยังแข็งแกร่ง เงินเฟ้อยังไม่ชะลอลง
รัฐบาลจีนกำหนดเป้าหมายการขยายตัวของ GDP ในปีนี้อยู่ที่ราว 5% ลดลงจากเป้าหมาย 5.5% ในปีที่แล้ว และตั้งเป้าขาดดุลงบประมาณไว้ที่ 3% ของ GDP ในปีนี้ สูงกว่าปีที่แล้วที่ขาดดุล 2.8%
ประชุมบอร์ด กกพ. พรุ่งนี้ พิจารณาค่า Ft งวด พ.ค.-ส.ค. 66 คาดค่า Ft ของผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นปรับลงต่ำกว่า 5 บ./หน่วย จากต้นทุนที่ลดลง
BOI เตรียมเสนอบอร์ดฯ มี.ค. นี้ พิจารณาหลายโครงการลงทุนขนาดใหญ หลังจากปี 63-65 ยอดขอรับส่งเสริมลงทุนมูลค่ากว่า 6 แสนลบ.
ททท. ระบุยอดจองสิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 วันแรกเกือบ 10 ล้านคน คาดปีนี้คึกคักจากช่วงสงกรานต์ สิทธิ์อาจถูกจองหมดเร็วสร้างสถิติใหม่
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideways Down โดยตลาดจะกลับไปโฟกัสที่เศรษฐกิจมหภาคมากขึ้น ซึ่งน่าจะยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET ยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ และจะกลับไปโฟกัสที่เศรษฐกิจมหภาคมากขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ดังนี้
1) หุ้นที่น่าสนใจลงทุน หาก SET หลุด 1600 โดยในแง่พื้นฐานธุรกิจยังแข็งแกร่ง, Valuation มี upside น่าสนใจเกิน 20% อีกทั้งราคาหุ้นปรับลงแรง YTD และแย่กว่า SET เลือก PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF
2) หุ้นที่คาดผลบวกเชิงจิตวิทยาและอานิสงส์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงเลือกตั้ง เลือก กลุ่มสื่อ BEC MAJOR และกลุ่มค้าปลีก CPN
3) หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี โดยเน้นจ่ายปันผลต่อเนื่อง 20 ปีขึ้นไป คาดให้ Div. Yield (หลังหักจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว) ปี 65 สูงเกิน 4% และปี 66 คาด Div. Yield ดีขึ้นหรือใกล้เคียงเดิม อีกทั้งปี 66 ผลประกอบการยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside เกิน 15% เลือก KTB และ AP
ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้เพิ่มความระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงราคาปรับตัวลงหรือ Underperform ตลาด สำหรับ
1) หุ้นที่โดนปรับลดประมาณการกำไรหรือ Downgrade/ราคามี Downside/มีปัจจัยเสี่ยงรออยู่ ได้แก่ AEONTS BEM SAWAD TCAP TIDLOR TLI TTB MST MTC TQM
2) หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT CPF BTS ASP
Daily focus
BLA ปี 2566 คาดกำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 47% สู่ระดับ 4.7 พันลบ. ปัจจัยหนุนหลักจะมาจาก combined ratio ที่ปรับตัวลดลง และ VNB margin ที่ดีขึ้น รวมทั้งการมี ROI ที่สูงขึ้น
BJC 1Q66 คาดกำไรจะเติบโต YoY จากยอดขายและรายได้ค่าเช่าที่ดีขึ้น ส่วนปี 2566 คาดกำไรเติบโต 23.6%YoY โดยได้รับการสนับสนุนจาก ยอดขาย อัตรากำไรขั้นต้น และรายได้ค่าเช่าที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
ข่าวเด่น