คาดดัชนีอ่อนตัว โดยคาดวันนี้น่าจะเผชิญแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐประจำเดือนก.พ. ซึ่งตลาดกังวลถึงตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง กระตุ้นเฟดขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุก ด้านกรอบล่างมีแนวรับสำคัญบริเวณ 1600 จุด หากต่ำกว่าเป็นลบต่อ และมีแนวรับถัดไปที่ 1590 จุด ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1625 จุด
ประเด็นสำคัญ
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐสูงกว่าคาด และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์ นลท. จับตาการตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงานที่จะรายงานในวันนี้
ปธน. ไบเดน เตรียมแผนปรับขึ้นภาษีขั้นต่ำ 25% สูงสุดขึ้นเป็น 40% รวมทั้งขึ้นภาษีกำไรจากขายหุ้นเป็น 39.6% และเขึ้นภาษีนิติบุคคลเป็น 28% แต่คาดกันว่าแผนดังกล่าวไม่น่าจะผ่านสภาหรือวุฒิสภา
รมว. พลังงานให้ กกพ. พิจารณาตรึงค่าไฟฟ้างวด พ.ค.-ส.ค. 66 ให้เท่าเดิมที่ 4.72 บ./หน่วย และอาจเหลืออัตราเดียวทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ
กพช. เห็นชอบรับซื้อพลังงานสะอาดเพิ่มอีก 3.662 MW ให้เอกชนรายเก่า-ใหม่ยื่นขายไฟตามเงื่อนไข ทั้งแสงอาทิตย์ ลม ขยะอุตสาหกรรม
รมว.ท่องเที่ยวฯ ระบุประชุม ครม. 14 มี.ค.นี้ จะเสนอวาระฯ ฟื้น ปท. ด้วยท่องเที่ยวระยะ 5 ปี (ปี 66-70) ตั้งเป้าเพิ่ม นทท. ต่างชาติให้ถึง 60 ล้านคน สร้างรายได้ปีละ 6 ล้านลบ. คิดเป็น 25% ของ GDP ภายในปี 70
ม.หอการค้าไทย ระบุดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.พ. 66 เพิ่มขึ้นต่อเป็นเดือนที่ 9 สูงสุดในรอบ 36 เดือน ผู้บริโภครู้สึก ศก. เริ่มดีขึ้นหลังการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideways Down โดยตลาดจะกลับไปโฟกัสที่เศรษฐกิจมหภาคมากขึ้น ซึ่งน่าจะยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET ยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ และจะกลับไปโฟกัสที่เศรษฐกิจมหภาคมากขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ดังนี้
1) หุ้นที่น่าสนใจลงทุน หาก SET หลุด 1600 โดยในแง่พื้นฐานธุรกิจยังแข็งแกร่ง, Valuation มี upside น่าสนใจเกิน 20% อีกทั้งราคาหุ้นปรับลงแรง YTD และแย่กว่า SET เลือก PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF
2) หุ้นที่คาดผลบวกเชิงจิตวิทยาและอานิสงส์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงเลือกตั้ง เลือก กลุ่มสื่อ BEC MAJOR และกลุ่มค้าปลีก CPN
3) หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี โดยเน้นจ่ายปันผลต่อเนื่อง 20 ปีขึ้นไป คาดให้ Div. Yield (หลังหักจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว) ปี 65 สูงเกิน 4% และปี 66 คาด Div. Yield ดีขึ้นหรือใกล้เคียงเดิม อีกทั้งปี 66 ผลประกอบการยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside เกิน 15% เลือก KTB และ AP
ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้เพิ่มความระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงราคาปรับตัวลงหรือ Underperform ตลาด สำหรับ
1) หุ้นที่โดนปรับลดประมาณการกำไรหรือ Downgrade/ราคามี Downside/มีปัจจัยเสี่ยงรออยู่ ได้แก่ AEONTS BEM SAWAD TCAP TIDLOR TLI TTB MST MTC TQM
2) หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT CPF BTS ASP
Daily focus
GULF ปี 2566 คาดกำไรจะยังเติบโตแข็งแกร่ง 32%YoY ปัจจัยหนุนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะทยอยเปิดดำเนินการในปีนี้ อีกทั้งยังมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานและ INTUCH ที่มีเสถียรภาพ
ZEN ปี 2566 จะเป็นปีที่ดีอีกปี โดยคาดกำไรจะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 30%YoY แรงหนุนจาก SSS ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รายได้จากการขยายสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของใน 2H65-ปี 2566 และธุรกิจอาหารค้าปลีกที่เติบโตมากขึ้น
ข่าวเด่น