เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ผ่อนคลาย แต่ยังไม่วางใจ"


หน่วยงานสหรัฐประกาศอุ้มเงินฝากใน SVB ทำให้สถานการณ์ผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดถึงผลกระทบที่ขยายวงหรือไม่ ด้านแนวโน้ม SET ทิศทางยังเป็นขาลง โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1590 และ 1582 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่ 1610-1620 จุด ต้องขึ้นทะลุผ่านก่อนถึงเห็นการฟื้นตัวที่ชัด

ประเด็นสำคัญ
 
รัฐบาลสหรัฐ ก.คลัง Fed และ FDIC ออกมาตรการรับประกันเงินฝากทั้งหมดของธนาคาร SVB รวมทั้ง Signature Bank นอกจากนั้นยังจัดหาเงินกองทุนพิเศษ ให้กับ FDIC เพื่อให้มีเพียงพอกับระบบธนาคาร ขณะที่ Fed จัดประชุมนัดฉุกเฉินวันนี้ คาดหารือแผนแก้ปัญหาสถาบันการเงิน
 
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ก.พ. สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.11 แสนตำแหน่ง สูงกว่าคาดแต่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 5.04 แสนตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นที่ 3.6% สูงกว่าคาดที่ 3.4%
 
พาณิชย์ระบุ FDA สหรัฐปฏิเสธการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารจากผู้ผลิตไทย ซึ่งรวมถึงถุงมือยางการแพทย์จากผู้ผลิต 4 ราย 11 รายการ ทั้งนี้ ไทยส่งออกถุงมือยางไปสหรัฐปีที่แล้วกว่า 2 หมื่นลบ.
 
กกพ. พิจารณาสูตรขึ้นค่า Ft งวด พ.ค.-ส.ค. 66 รวม 3 แนวทาง สูงสุด 6.72 บ./หน่วย จาก 4.72 บ./หน่วย เตรียมรับฟังความคิดเห็น 22 มี.ค.
 
บอร์ด EV เตรียมเสนอ ครม. พิจารณามาตรการส่งเสริม EV 3.5 ปรับส่วนลดสูงสุดไม่เกิน 1 แสนบ./คัน ต่ออายุอีโคคาร์ 2 อีก 2 ปี
 
ไทย-ซาอุดิอาระเบีย เห็นชอบปรับเพิ่มขนส่งผู้โดยสารจากเดิม 9 เป็น 42 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
มาตรการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ถูกจองเต็ม 5.6 แสนสิทธิ์ใน 4 วัน

\กลยุทธ์การลงทุน
 
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวผันผวนระหว่างรอประเมินผลกระทบของ SVB ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักกดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ รองลงมา คือ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ก.พ. ของสหรัฐที่จะประกาศในคืนวันอังคารที่ 14 มี.ค. นี้ ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟด ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงคงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน
 
Weekly Portfolio : มอง SET แกว่งตัวผันผวน ระหว่างรอประเมินผลกระทบของ SVB ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ดังนี้
 
1) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ หลัง SET หลุดแนวรับเชิงจิตวิทยาบริเวณ 1600 จุดแนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง อีกทั้งราคาหุ้นปรับลงแรง YTD และแย่กว่า SET เลือก PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF
 
2) หุ้นที่คาดผลบวกเชิงจิตวิทยาและอานิสงส์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงเลือกตั้ง เลือก กลุ่มสื่อ BEC MAJOR และกลุ่มค้าปลีก CPN
 
3) หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี โดยเน้นจ่ายปันผลต่อเนื่อง 20 ปีขึ้นไป คาดให้ Div. Yield (หลังหักจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว) ปี 65 สูงเกิน 4% และปี 66 คาด Div. Yield ดีขึ้นหรือใกล้เคียงเดิม อีกทั้งปี 66 ผลประกอบการยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside เกิน 10% เลือก KTB และ AP
 
ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงราคาปรับตัวลงหรือ Underperform ตลาด สำหรับ
 
1) หุ้นที่โดนปรับลดประมาณการกำไรหรือ Downgrade/ราคามี Downside/มีปัจจัยเสี่ยงรออยู่ ได้แก่ AEONTS BEM SAWAD TCAP TIDLOR TLI TTB MST MTC TQM
 
2) หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT CPF BTS ASP

Daily focus
 
GULF ปี 2566 คาดกำไรจะยังเติบโตแข็งแกร่ง 32%YoY ปัจจัยหนุนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะทยอยเปิดดำเนินการในปีนี้ อีกทั้งยังมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานและ INTUCH ที่มีเสถียรภาพ
 
PTTEP ช่วงสั้นมองเป็นโอกาสเข้าซื้อเก็งกำไร หลังราคาหุ้นปรับลงแรง 17.3%YTD มากกว่า SET ที่ปรับลง 4.1%YTD ขณะที่พื้นฐานบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดย 1Q66 คาดกำไรยังเติบโต YoY และ QoQ อีกทั้งยังมี Upside เกิน 40% จากราคาเป้าหมายที่ 206 บาท
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 13 มี.ค. 2566 เวลา : 11:49:32
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 7:51 pm