เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ยังหาจุดกลับตัวไม่เจอ"


 

SET ยังปรับลงต่อเนื่อง สลับกับการรีบาวด์บางช่วง แต่ยังไม่แสดงสัญญาณการกลับตัว รวมถึงตลาดที่ขาดปัจจัยหนุน ทำให้มีแนวโน้มอยู่ในขาลงต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1565 และ 1554 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนอยู่ที่แนวต้าน 1580 และ 1595 จุด ประเด็นสำคัญ ติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐประจำเดือนก.พ.ในคืนนี้ 

ประเด็นสำคัญ
 
ปธน. โจ ไบเดน เตรียมปรับปรุงกฎหมายใหม่ดูแลธนาคารหลังจากการล่มสลายของ SVB ขณะที่ bond yield 2 ปีสหรัฐลงมาอยู่ที่ 4% ลดลง 100bps ใน 3 วัน สูงสุดนับตั้งแต่ 22 ต.ค. 1987
 
ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ ก.พ.สหรัฐวันนี้ คาดปรับขึ้น 6.0%YoY ชะลอตัวจาก 6.2%YoY ใน ม.ค.ด้าน  FedWatch Tool ให้น้ำหนัก 54.2% ที่ Fed จะไม่ขึ้น ด.บ.ในการประชุม 21-22 มี.ค.เพื่อไม่ให้ซ้ำเติมวิกฤต SVB
 
นโยบายนายกฯ จีนคนใหม่หนุนธุรกิจเอกชน ไม่เน้น GDP โต 
 
ก.คลัง ประเมินสถานการณ์ SVB ไม่กระทบระบบการเงินไทย ยืนยันมีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ ทางด้าน ธปท. เน้นย้ำมีการกำกับดูแลธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลและ venture capital ที่เข้มงวด
 
ก.คมนาคม เตรียมเสนอที่ประชุม ครม.วันนี้ ขออนุมัติผลการคัดเลือกเอกชนที่ผ่านคุณสมบัติและชนะการประมูลในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเพื่อลงนามในสัญญาต่อไป
 
BTS เตรียมแจงกรณี ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด สัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ยืนยันการจ้างเดินรถไม่ใช่การต่อสัมปทาน
 
ผู้ประกอบการอสังหาฯ ทยอยลดราคารับ ศก.ฟื้นตัวเปราะบาง ภาครัฐอาจมีมาตรการหนุน คาดปี 2567 ราคาปรับขึ้นหลัง ศก. ฟื้น

กลยุทธ์การลงทุน
 
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวผันผวนระหว่างรอประเมินผลกระทบของ SVB ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักกดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ รองลงมา คือ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ก.พ. ของสหรัฐที่จะประกาศในคืนวันอังคารที่ 14 มี.ค. นี้ ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟด ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงคงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน
 
Weekly Portfolio : มอง SET แกว่งตัวผันผวน ระหว่างรอประเมินผลกระทบของ SVB ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ดังนี้
 
1) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ หลัง SET หลุดแนวรับเชิงจิตวิทยาบริเวณ 1600 จุดแนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง อีกทั้งราคาหุ้นปรับลงแรง YTD และแย่กว่า SET เลือก PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF
 
2) หุ้นที่คาดผลบวกเชิงจิตวิทยาและอานิสงส์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงเลือกตั้ง เลือก กลุ่มสื่อ BEC MAJOR และกลุ่มค้าปลีก CPN
 
3) หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี โดยเน้นจ่ายปันผลต่อเนื่อง 20 ปีขึ้นไป คาดให้ Div. Yield (หลังหักจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว) ปี 65 สูงเกิน 4% และปี 66 คาด Div. Yield ดีขึ้นหรือใกล้เคียงเดิม อีกทั้งปี 66 ผลประกอบการยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside เกิน 10% เลือก KTB และ AP
 
ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงราคาปรับตัวลงหรือ Underperform ตลาด สำหรับ
 
1) หุ้นที่โดนปรับลดประมาณการกำไรหรือ Downgrade/ราคามี Downside/มีปัจจัยเสี่ยงรออยู่ ได้แก่ AEONTS BEM SAWAD TCAP TIDLOR TLI TTB MST MTC TQM
 
2) หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT CPF BTS ASP

Daily focus
 
CPALL 1Q66 คาดว่ากำไรเติบโต YoY จากยอดขายที่ดีขึ้นทั้งธุรกิจ CVS และ MAKRO ขณะที่ทั้งปี 2566 คาดกำไรโต 29%YoY แรงหนุนจากธุรกิจ CVS ที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของยอดขายและมาร์จิ้น รวมทั้งรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นจาก MAKRO และ Lotus’s
 
AOT ราคาหุ้นปรับลงแรง 9.7%YTD มากกว่า SET ที่ปรับลง 5.7%YTD ขณะที่พื้นฐานบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดย 2QFY66 (ม.ค.-มี.ค. 66) คาดกำไรปกติยังเติบโต YoY และ QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทย
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 มี.ค. 2566 เวลา : 10:20:48
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 7:33 pm