แม้ตลาดคลายกังวล หลังรัฐบาลสหรัฐออกมาสร้างความเชื่อมั่นว่าจะควบคุมวิกฤตธนาคารได้ และเงินเฟ้อสหรัฐประจำก.พ. ที่ชะลอตัว ทำให้มองว่าเฟดจะชะลอขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม สัญญาณเทคนิคเป็นลบอย่างแรง ทำให้ต้องรอติดตามภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจนสักระยะก่อน ด้านกรอบบนอยู่ที่ 1536 และ 1542 จุด ส่วนแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1500 และ 1480 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
CPI ทั่วไป ก.พ. สหรัฐ +6%YoY ชะลอลงจาก ม.ค. ที่ 6.2%YoY ส่วน CPI พื้นฐาน ก.พ. +5.5%YoY ชะลอลงจาก ม.ค. ที่ 5.6%YoY เป็นไปตามคาด
Moody's ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของระบบธนาคารสหรัฐ จากมีเสถียรภาพสู่เชิงลบ หลังจากปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ Signature Bank ลงสู่ระดับ C (junk) พร้อมถอนการจัดอันดับในอนาคต และกำลังพิจารณาลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารสหรัฐอีก 6 แห่ง
ราคาหุ้น Credit Suisse ร่วงลง 1.3% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังผลประกอบการปี 2565 ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินปี 2551
เครื่องบินรบรัสเซียชนโดรนสอดแนมกองทัพสหรัฐตกในทะเลดำ
สมาคม บลจ.ระบุกองทุนไทยไม่มีลงทุนตรงใน SVB เผยส่วนใหญ่ลงผ่าน master fund ราว 10-15 กองทุน เตรียมเปิดเผยรายชื่อวันนี้
ครม.มีมติขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท อีก 2 เดือน ช่วง 21 พ.ค. – 20 ก.ค. 66 ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ยังไม่มีการพิจารณาขออนุมัติคัดเลือกเอกชน โดยจะรอผลตัดสินจากศาลปกครองก่อน
BTS ระบุการต่อสัญญาส่วนต่อขยายเป็นไปถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมเร่งรัดให้รัฐบาลจ่ายหนี้ 5 หมื่นลบ.ยืนยันไม่หยุดเดินรถแน่นอน
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวนระหว่างรอประเมินผลกระทบของ SVB ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักกดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงคงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET แกว่งตัวผันผวน ระหว่างรอประเมินผลกระทบของ SVB ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ดังนี้
1) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ หลัง SET หลุดแนวรับเชิงจิตวิทยาบริเวณ 1600 จุดแนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง อีกทั้งราคาหุ้นปรับลงแรง YTD และแย่กว่า SET เลือก PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF
2) หุ้นที่คาดผลบวกเชิงจิตวิทยาและอานิสงส์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงเลือกตั้ง เลือก กลุ่มสื่อ BEC MAJOR และกลุ่มค้าปลีก CPN
3) หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี โดยเน้นจ่ายปันผลต่อเนื่อง 20 ปีขึ้นไป คาดให้ Div. Yield (หลังหักจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว) ปี 65 สูงเกิน 4% และปี 66 คาด Div. Yield ดีขึ้นหรือใกล้เคียงเดิม อีกทั้งปี 66 ผลประกอบการยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside เกิน 10% เลือก KTB และ AP
ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงราคาปรับตัวลงหรือ Underperform ตลาด สำหรับ
1) หุ้นที่โดนปรับลดประมาณการกำไรหรือ Downgrade/ราคามี Downside/มีปัจจัยเสี่ยงรออยู่ ได้แก่ AEONTS BEM SAWAD TCAP TIDLOR TLI TTB MST MTC TQM
2) หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT CPF BTS ASP
Daily focus
KTB ปี 2566 คาดกำไรจะเติบโต 15%YoY อีกทั้งมองได้ประโยชน์มากที่สุดจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และ valuation น่าสนใจ รวมทั้งมีเงินปันผลจ่าย 0.682 บาท (XD 18 เม.ย.) คิดเป็น Div. Yield 4.2%
AH Valuation น่าสนใจ หลังล่าสุดราคาหุ้นปรับตัวลงมาเทรดที่ PE 66 ระดับ 5.0x ซึ่งเป็นระดับที่เคยเห็นในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551-2552 แล้ว ขณะที่ปี 2566 คาดกำไรยังเติบโต 8%YoY จากการดำเนินงานในไทยและโปรตุเกสที่เติบโตมากขึ้น
ข่าวเด่น