ปัญหาภาคธนาคารลุกลามไปสู่ยุโรป หลังธนาคารเครดิต สวิส ขาดสภาพคล่อง โดยได้ยื่นขอความช่วยเหลือจากธนาคารกลางสวิส เป็นปัจจัยกดดันดัชนีให้กลับมาปรับลง หลังเมื่อวานฟื้นตัวแรง ด้านแนวรับอยู่ที่ 1542 และ 1525 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1574 จุด ซึ่งใช้เป็นจุดติดตาม หากขึ้นทะลุผ่านได้จะกลับมาเป็นสัญญาณบวกในภาพรวม
ประเด็นสำคัญ
Credit Suisse ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือต่อ ธ. กลางสวิส จากปัญหาขาดสภาพคล่องหลังลูกค้าถอนเงินกว่า 1.1 แสนล้านฟรังก์สวิส ขณะที่ปี 2565 ขาดทุนสุทธิ 7.3 พันล้านฟรังก์สวิส นอกจากนี้ ผถห. รายใหญ่ Saudi National Bank ถือหุ้นเพิ่มไม่ได้เพราะเกิน 10% ผิดกฎธนาคาร ส่งผลราคาหุ้น CS วานนี้ปิดลดลง 14%DoD
สหรัฐรายงานยอดค้าปลีก ก.พ. -0.4%MoM จาก +3.2%MoM ใน ม.ค. ส่วนดัชนี PPI ก.พ. +4.6%YoY ชะลอลงจาก +5.7%YoY ใน ม.ค.
EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 100,000 บาร์เรล
ส.อ.ท. ระบุดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม ก.พ. เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 47 เดือนนับตั้งแต่ เม.ย. 62 ส่วนดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับขึ้นเช่นกัน
บอร์ด ก.ล.ต. เตรียมปรับแก้เกณฑ์การขอใบอนุญาตผู้รับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล เน้นคุ้มครองผู้ลงทุน พร้อมทบทวนการเสนอขาย Investment Token สอดคล้องความเสี่ยง
Ddproperty ระบุผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศลดลง กังวล ศก. ชะลอ เงินเฟ้อ-ด.บ. สูงขึ้น โดย 63% ชะลอแผนซื้อที่อยู่อาศัย ส่วน 14% ยกเลิกแผนซื้อที่อยู่ แนวโน้มเช่าบ้านขยับสูงขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน ระหว่างรอประเมินผลกระทบของ SVB และธนาคารเครดิตสวิส ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักกดดันบรรยากาศการลงทุน ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงคงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET แกว่งตัวผันผวน ระหว่างรอประเมินผลกระทบของ SVB ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ดังนี้
1) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ หลัง SET หลุดแนวรับเชิงจิตวิทยาบริเวณ 1600 จุดแนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง อีกทั้งราคาหุ้นปรับลงแรง YTD และแย่กว่า SET เลือก PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF
2) หุ้นที่คาดผลบวกเชิงจิตวิทยาและอานิสงส์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงเลือกตั้ง เลือก กลุ่มสื่อ BEC MAJOR และกลุ่มค้าปลีก CPN
3) หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี โดยเน้นจ่ายปันผลต่อเนื่อง 20 ปีขึ้นไป คาดให้ Div. Yield (หลังหักจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว) ปี 65 สูงเกิน 4% และปี 66 คาด Div. Yield ดีขึ้นหรือใกล้เคียงเดิม อีกทั้งปี 66 ผลประกอบการยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside เกิน 10% เลือก KTB และ AP
ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงราคาปรับตัวลงหรือ Underperform ตลาด สำหรับ
1) หุ้นที่โดนปรับลดประมาณการกำไรหรือ Downgrade/ราคามี Downside/มีปัจจัยเสี่ยงรออยู่ ได้แก่ AEONTS BEM SAWAD TCAP TIDLOR TLI TTB MST MTC TQM
2) หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT CPF BTS ASP
Daily focus
GPSC ปี 2566 คาดกำไรจะฟื้นตัวเด่น YoY จากราคาขายที่สูงขึ้นและมีแรงกดดันจากต้นทุนพลังงาน (LNG และถ่านหิน) ที่ลดลง อีกทั้งธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในอินเดีย (AEPL) จะพลิกมีกำไร โดยแนะนำให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัว แนวรับที่ 64.25 บาท
ADVANC 1Q66 คาดกำไรเติบโตทั้ง QoQ และ YoY จากมาตรการควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง (ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดน่าจะมีแนวโน้มลดลง) และรายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ปรับตัวดีขึ้น โดยแนะนำให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัว แนวรับที่ 202 บาท
ข่าวเด่น