วิกฤตภาคธนาคาร สถานการณ์ยังไม่นิ่ง โดยยังต้องติดตามว่ามีประเด็นอื่นเกิดขึ้นตามมาอีกหรือไม่ ทำให้มองดัชนียังมีความผันผวนในกรอบระหว่าง 1540-1574 จุด โดยมีจุดติดตามอยู่ที่บริเวณ 1574 จุด (Gap ที่เปิดไว้ล่าสุด) หากขึ้นปิดยืนเหนือได้ ในภาพรวมจะเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น ส่วนกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1553 และ 1540 จุด หากต่ำกว่าเป็นลบ
ประเด็นสำคัญ
UBS ตกลงซื้อกิจการ Credit Suisse วงเงิน 3.23 พันล้านเหรียญ โดย ธ. กลางสวิสจะจัดสรรเงินกู้ยืม 1.08 แสนล้านเหรียญ ช่วยสนับสนุน ส่วนรัฐบาลสวิสอนุมัติเงินค้ำประกัน 9 พันล้านเหรียญเพื่อลดความเสี่ยง
SVB Financial Group บริษัทแม่ของ SVB ยื่นล้มละลายต่อศาลนิวยอร์ก ขณะที่ First Republic Bank ได้รับเงินอัดฉีดกว่า 3 หมื่นล้านเหรียญ
Fitch ประเมินธนาคารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสามารถรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวของธนาคารในสหรัฐ
ปธน. สีจิ้นผิง เตรียมเยือนรัสเซีย 20-22 มี.ค. นี้ คาดนำข้อเสนอ 12 ข้อหารือ ปธน. ปูติน ในการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน
กบน. เห็นชอบลดราคาขายปลีกดีเซลลง 0.5 บ./ลิตร มีผล 24 มี.ค. ส่วนเบนซินลดราคาลง 0.6 บ./ลิตร หลังราคาน้ำมันโลกลดลง 2%
พาณิชย์ระบุ ธุรกิจโลจิสติกส์ไทย ก.พ. 66 ปิดกิจการเพิ่มขึ้น 95%YoY ผลจากสงครามรัสเซียกระทบส่งออก-นำเข้าสินค้าหดตัว
กนอ. ระบุการลงทุนในนิคมฯ ก.พ. 66 มูลค่ารวม 1.48 หมื่นลบ. เป็น นลท. จีนมากสุด 24% มีแนวโน้มโตต่อเนื่องจากการย้ายฐานผลิตจากจีน
SCB EIC คาด GDP ปีนี้โต 3.9% จากเดิม 3.4% ท่องเที่ยว-บริโภคเอกชน-ศก.โลกขยายตัวเกินคาด จับตาวิกฤตเสถียรภาพระบบการเงินโลก
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1500-1580 จุด และยากจะฟื้นตัวได้แรง หลังนักลงทุนยังระมัดระวังและรอประเมินผลกระทบวิกฤติภาคธนาคารของสหรัฐและยุโรปที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ FED และ BoE ในสัปดาห์นี้ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงคงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET แกว่งตัวผันผวนในกรอบระหว่างรอประเมินผลกระทบของธนาคารในสหรัฐและยุโรป รวมทั้งผลการประชุมนโยบายการเงินของ FED และ BoE กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ดังนี้
1) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ และต้องการเก็งกำไร กรณี FED มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps ซึ่งจะทำให้ Bond Yield ปรับขึ้นต่อ กดดันให้ตลาดจะเพิ่มความกังวลที่มีต่อภาคธนาคารและภาวะเศรษฐกิจโลก แนะนำกลุ่ม Defensive เลือก BDMS ADVANC
2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ และต้องการเก็งกำไร กรณี FED มีมติปรับคงดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความช่วยเหลือต่อภาคสถาบันการเงิน แนะนำกลุ่มธนาคาร เลือก BBL KBANK
3) นักลงทุนรับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร หลัง SET หลุด 1600 แนะนำหุ้นที่มีพื้นฐานแกร่ง ราคาหุ้นปรับลงแรง YTD และแย่กว่า SET เลือก PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF ขณะที่ผู้ที่มีหุ้นชุดนี้แล้ว แนะนำรอจังหวะขายเมื่อมีกำไร หรือ SET กลับไปบริเวณ 1600
ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงราคาปรับตัวลงหรือ Underperform ตลาด สำหรับ
1) หุ้นที่โดนปรับลดประมาณการกำไรหรือ Downgrade/ราคามี Downside/มีปัจจัยเสี่ยงรออยู่ ได้แก่ AEONTS BEM SAWAD TCAP TIDLOR TLI TTB MST MTC TQM
2) หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT CPF BTS ASP
Daily focus
CPALL ปี 2566 คาดกำไรจะเติบโต 28%YoY เด่นสุดในกลุ่มพาณิชย์ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ฟื้นตัวดีขึ้น รวมทั้งรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นจาก MAKRO และ Lotus’s อีกทั้งมองจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์รายหลักๆ จากต้นทุนที่มีแนวโน้มลดลง
GULF ปี 2566 คาดกำไรจะยังเติบโตแข็งแกร่ง 32%YoY ปัจจัยหนุนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะทยอยเปิดดำเนินการในปีนี้ อีกทั้งยังมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานและ INTUCH ที่มีเสถียรภาพ
ข่าวเด่น