เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ผันผวน แต่ดูมีแรงรับ"



 
 
นักลงทุนยังไม่วางใจวิกฤตธนาคารสหรัฐ และยุโรป ทำให้ดัชนียังผันผวน อย่างไรก็ตามการให้ความช่วยเหลืออย่างทันทีจากหลายหน่วยงาน ทำให้ตลาดวางใจระดับหนึ่ง ส่งผลให้การปรับลงมีแรงรับเข้าซื้อ โดยวันนี้มีแนวรับที่ 1542 และ 1534 จุด ตามลำดับ หากไม่ต่ำกว่า ยังมองในทางฟื้นตัว ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1565 จุด และ 1574 จุด หากปิดยืนได้ จะเป็นสัญญาณที่ดี

ประเด็นสำคัญ

PIMCO, Blackrock และ Invesco คาดว่าจะขาดทุนจากการลงทุนในตราสารทางการเงินที่นับเป็นกองทุนสำรองส่วนเพิ่มชั้นที่ 1 (Additional Tier 1 หรือ AT1) ของเครดิต สวิส 1.3 พันล้านเหรียญ

Amazon เตรียมเลิกจ้างพนักงานเพิ่มอีก 9,000 คน รวมแล้วกว่า 27,000 คนในช่วง 5 เดือน

ปธน. สีจิ้นผิง เริ่มต้นภารกิจเดินทางเยือนรัสเซียนาน 3 วัน โดยคาดจะหารือข้อเสนอสันติภาพ 12 ข้อเพื่อแก้วิกฤตยูเครน ควบคู่ไปกับการกระชับความสัมพันธ์

บอร์ด BOI อนุมัติส่งเสริมลงทุนโครงการขนาดใหญ่กว่า 5.7 หมื่นลบ. เน้นด้านพลังงาน-Data Center-อุตสาหกรรมโลหะ เสริมความแข็งแกร่งโครงสร้างพื้นฐานในด้านพลังงานของ ปท.

ก. พลังงาน คาดปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (peak) ปี 2566 ช่วงฤดูร้อนนี้จะพุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี หรือ สูงกว่า 30,936 MW ตามการฟื้นตัวของ ศก.
 
 
วานนี้ราชกิจจาฯ ประกาศ พ.ร.ฎ. ยุบสภาฯ ขณะที่ กกต. ชุดใหญ่เตรียมกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป คาด 7 หรือ 14 พ.ค. นี้

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1500-1580 จุด และยากจะฟื้นตัวได้แรง หลังนักลงทุนยังระมัดระวังและรอประเมินผลกระทบวิกฤติภาคธนาคารของสหรัฐและยุโรปที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ FED และ BoE ในสัปดาห์นี้ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงคงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : มอง SET แกว่งตัวผันผวนในกรอบระหว่างรอประเมินผลกระทบของธนาคารในสหรัฐและยุโรป รวมทั้งผลการประชุมนโยบายการเงินของ FED และ BoE กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ดังนี้

1) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ และต้องการเก็งกำไร กรณี FED มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps ซึ่งจะทำให้ Bond Yield ปรับขึ้นต่อ กดดันให้ตลาดจะเพิ่มความกังวลที่มีต่อภาคธนาคารและภาวะเศรษฐกิจโลก แนะนำกลุ่ม Defensive เลือก BDMS ADVANC

2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ และต้องการเก็งกำไร กรณี FED มีมติปรับคงดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความช่วยเหลือต่อภาคสถาบันการเงิน แนะนำกลุ่มธนาคาร เลือก BBL KBANK 

3) นักลงทุนรับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร หลัง SET หลุด 1600 แนะนำหุ้นที่มีพื้นฐานแกร่ง ราคาหุ้นปรับลงแรง YTD และแย่กว่า SET เลือก PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF ขณะที่ผู้ที่มีหุ้นชุดนี้แล้ว แนะนำรอจังหวะขายเมื่อมีกำไร หรือ SET กลับไปบริเวณ 1600

ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงราคาปรับตัวลงหรือ Underperform ตลาด สำหรับ

1) หุ้นที่โดนปรับลดประมาณการกำไรหรือ Downgrade/ราคามี Downside/มีปัจจัยเสี่ยงรออยู่ ได้แก่ AEONTS BEM SAWAD TCAP TIDLOR TLI TTB MST MTC TQM

2) หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT CPF BTS ASP

Daily focus

KTB ปี 2566 คาดกำไรจะเติบโต 15%YoY อีกทั้งมองได้ประโยชน์มากที่สุดจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และ valuation น่าสนใจ รวมทั้งมีเงินปันผลจ่าย 0.682 บาท (XD 18 เม.ย.) คิดเป็น Div. Yield 4.2%

AMATA มองเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับประโยชน์จากอุปสงค์ที่เข้ามา หลังประเทศไทยยังเป็นจุดหมายของนักลงทุนโดยพื้นที่ภาคตะวันออกและ EEC โดยปี 2566 คาดกำไรปกติจะยังเติบโตแข็งแกร่ง 85%YoY
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 21 มี.ค. 2566 เวลา : 10:43:47
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 5:47 pm